ความเชื่อเรื่องสีตามหลักฮวงจุ้ยได้บอกไว้ว่า “สี” สามารถแทนค่าพลังงานในธาตุต่างๆ คือ ธาตุทั้ง 5 ได้แก่ ธาตุไฟ ธาตุดิน ธาตุทอง ธาตุน้ำ ธาตุไม้ ซึ่งแต่ละธาตุก็มีพลังงานที่แตกต่างกันไป นั่นหมายความว่า สีจึงมีพลังความหมายในตัวเองเสมอ นั่นคือหนึ่งในเหตุที่ศาสตร์ฮวงจุ้ยจะใช้สีในแง่ของการขับเคลื่อนพลัง รวมถึงใช้สีในแง่ที่จะส่งผลดีต่ออารมณ์ และความรู้สึก ดังนั้นการเลือกสีในทางฮวงจุ้ย จึงต้องใช้การพิจารณาประกอบหลายด้าน ไม่ใช่ว่าใช้เพราะความเชื่อ หรือเพราะความชอบอย่างเดียว แต่เราควรศึกษาความหมายของสีชนิดนั้นด้วย ว่าเหมาะกับเราหรือไม่เพื่อให้เข้าใจ และจะได้เลือกปรับโทน หรือเฉดสี ให้เชื่อมโยงกับคำแนะนำฮวงจุ้ยในการใช้สีที่สอดคล้องกับพลังในตัวเองได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น . พลังสีตามธาตุ . ฮวงจุ้ยสีบ้านสำหรับคนเกิดแต่ละวัน ต้องบอกว่า เวลาเราพูดถึงสีบ้าน ในทางฮวงจุ้ยมักจะเน้นไปที่สีห้องหลักๆ ที่เราต้องใช้เวลาอยู่ด้วยนานที่สุดก็คือห้องนอน อย่างไรก็ตามในเมื่อเป็นเรื่องของความเชื่อแล้วเราก็สามารถที่จะพิจารณาว่าจะใช้สีใด กับภาพรวมของบ้านตัวเองได้ เพราะหัวใจสำคัญคือความสบายใจนะคะ ทั้งนี้สิ่งที่ควรระวังในการใช้สีบ้านคือ การเลือกใช้สีโทนเข้มข้น เช่น ดำ น้ำตาล ม่วง หรือ แดง ไม่ควรใช้ให้มากเกินไป เพราะทำให้เกิดการกระตุ้น พลังงานจนเสียสมดุล อีกทั้งเหตุผลในแง่มุมของการออกแบบที่อยู่อาศัย การใช้สีที่เข้มมากผู้อยู่อาศัยจะถูกอิทธิพลของสีกระตุ้นอารมณ์ และความรู้สึกเกินไป ดังนั้นแล้วกับเรื่องของสีบ้าน เราควรเลือกใช้โดยคำนึงถึงบรรยากาศหลักให้สะท้อนความรู้สึกสงบผ่อนคลายเป็นสำคัญด้วยนะคะ เราไปดูกันดีกว่าค่ะ ว่าฮวงจุ้ยสีบ้านของวันเกิดแต่ละคนนั้นจะเป็นอย่างไร . […]
Tag Archives: แต่งบ้าน
รู้มั๊ยคะว่า.. การแต่งบ้านมีประโยชน์มากกว่าที่หลายคนคิด สำหรับใครที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ชื่นชอบการแต่งบ้าน ก็อาจจะมองข้ามเรื่องเหล่านี้ไป แต่ในบทความนี้อยากจะนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ถึงข้อดีของการจัดบ้านที่หลายคนอาจไม่ได้คาดคิด อยากจะชวนคุณผู้อ่านไปเปิดมุมมองด้วยกันค่ะ หลายคนที่ชื่นชอบการจัดตกแต่งบ้าน หลักๆ นอกจากจะเพื่อทำให้บ้านดูสวยงาม เป็นระเบียบมากขึ้นแล้วการเเต่บ้านยังเป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่สามารถตอบสนองสไตล์ความชื่นชอบ สะท้อนตัวตนของเจ้าของได้ จนอาจพูดได้ว่ารสนิยม ไลฟ์ไตล์ รวมถึงอุปนิสัยของผู้อยู่อาศัยภายในบ้านหลังนั้น มันมีภาพสะท้อนที่ชัดเจนผ่านการแต่งบ้านนั่นเอง และหากจะพูดถึงประโยชน์ของการแต่งบ้านในด้านมุมอื่นๆ ก็มีมุมมองที่น่าสนใจ ที่ไม่แน่ว่าเมื่ออ่านจบ คุณผู้อ่านอาจจะอยากลุกขึ้นมาจัดตกแต่งบ้านในทันทีก็เป็นได้ ไปติดตามอ่านกันเลยค่ะ . ข้อดีของการแต่งบ้านข้อที่ 1. ช่วยให้ “รู้จักลำดับความสำคัญในชีวิตมากขึ้น” การจัดบ้านนั้นเป็นเรื่องที่ใกล้ชิด และใกล้ตัวเป็นอย่างมาก มีการวิจัยที่ได้ผลลัพธ์ว่า 70% ของเวลาในชีวิต บ้านจะเป็นสถานที่ที่เราส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่นานที่สุด เมื่อเราเริ่มมีความคิดที่จะจัดตกแต่งบ้าน สมองจะทำการประมวลผลโดยใช้ทักษะทั้งการคิด วางแผน การลงมือก่อนหลังรวมไปถึงการแก้ไขปัญหาต่างๆ ขณะจัด และตกแต่งบ้าน ธรรมชาติของสมองเราจะเริ่มคิด และวิเคราะห์แยกแยะว่าสิ่งใดสำคัญ และไม่สำคัญ รวมถึงประมวลผลความสำคัญนั้นเป็นลำดับขั้นมากน้อยจากความถี่ในการใช้งาน หรือเวลาที่ใช้งานก่อนหลัง เพื่อจะได้ข้อสรุปว่าจะต้องจัดวางแบบไหนถึงจะใช้งานง่ายที่สุด และจะเริ่มคัดแยกว่าสิ่งใดที่ไม่จำเป็นเลย และหากมีข้อสรุปที่ชัดเจนได้ ก็อาจจะตัดสิ่งของที่ไม่สำคัญ และไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต เพื่อทำให้บ้านดูเป็นระเบียบสวยงามมากยิ่งขึ้น เมื่อบ้านน่าอยู่แล้วก็จะส่งผลดีต่อสุขภาพจิตของผู้อยู่อาศัยและคนจัดตกแต่งบ้าน ทั้งความคิด ทัศนคติ อารมณ์ ซึ่งจะทำให้การใช้ชีวิตของเราดีขึ้น และมีความสุขมากขึ้นไปด้วย สรุปง่ายๆ […]
เพราะบ้านคือปัจจัย 4 ในการดำรงชีวิตของคนเรา ดังนั้นการเลือกและตกแต่งบ้านจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก หากพูดถึงเรื่องการตกแต่งบ้านแล้ว เชื่อว่าศาสตร์การใช้สีสันจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ดีไซเนอร์กับเจ้าของอยู่อาศัยจะเลือกให้ความใส่ใจในการนำมาเป็นองค์ประกอบการแต่งบ้านอย่างขาดไม่ได้แน่นอน เพราะสี (Color) ทำงานกับอารมณ์ และความรู้สึกของผู้คนเพียงนำสีมาใช้ทาสีผนังห้อง สีนั้นๆก็จะมีผลต่อบรรยากาศ และสภาพแวดล้อมพร้อมๆกับการสร้างความสวยงามด้วยได้ สำหรับสายแต่งบ้านตามเทรนด์ หรือใครที่กำลังเตรียมรีโนเวทบ้านใหม่ ลองมาดูไอเดียสีแต่งบ้านตามคำแนะนำของเทรนด์ปี 67 นี้กันได้เลยค่ะ สถาบันสี Pantone ((Pantone Color Institute) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสีรายใหญ่ที่สุด สถาบันที่มีอิทธิพลต่อทิศทางเทรนด์ในตลาด ซึ่งผู้ประกอบการทั่วโลกให้ความเชื่อถือมาเป็นระยะเวลานานโดยเฉพาะผู้ประกอบการในวงการธุรกิจ และแฟชั่นจะโฟกัสทิศทางการออกแบบสินค้าตามคำพยากรณ์เทรนด์สีที่ได้รับจากสถาบันสี Pantone ในส่วนของผู้เชี่ยวชาญในวงการออกแบบตกแต่งบ้าน ก็มีการทำรายงานพยากรณ์ทิศทางเทรนด์สีที่จะได้รับความนิยมในปี 2567 ด้วยเช่นกัน แต่ละสถาบันจะฟันธงทิศทางโทนสีอย่างไรไปติดตามอ่านกันเลยค่ะ . ภาพรวมของพาเลทสีสันสดใหม่ของเทรนด์การออกแบบในปีนี้ มีรูปแบบการตกแต่งภายในที่สวยงามโดยจะเน้นสื่อถึงอารมณ์พื้นฐาน 3 แบบ แบบที่ 1. โทนสีที่ให้ความรู้สึกได้ใกล้ชิดธรรมชาติ Sherwin-Williams บริษัทสีชื่อดังจากอเมริกา ซึ่งเป็นแบรนด์สีอันดับโลก ทั้งยังเป็นเจ้าของโปรเจ็คงานสีให้กับแลนด์มาร์กสำคัญทั่วโลก ได้แนะนำเทรนด์สีสำหรับการออกแบบตกแต่งภายใน ในปี 2024 คือ สี Persimmon หรือส้มเอิร์ธโทน ซึ่งเป็นสีที่คล้ายกับสีของ “ลูกพลับ” และ “สีดินเผา” นิยามความหมายของสีเอิร์ธโทนนี้จะให้ทั้งความรู้สึกสงบ […]
สไตล์การตกแต่งบ้านแนวนี้เป็นที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในทุกวัน หากใครไม่คุ้นชินกับชื่อนี้ และนึกไม่ออกว่ามันเป็นสไตล์ประมาณไหน คงต้องบอกว่ามันเป็นเทรนด์แต่งบ้านที่มีการผสมผสานรสนิยมการตกแต่งที่หลากหลาย ให้ออกมาลงตัวในแบบที่แสดงถึงตัวตนของเจ้าของบ้าน โดยเกิดจากการผสมผสาน 2 สไตล์ คือความคลาสสิก และความโมเดิร์นไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว แต่คำถามที่หลายคนน่าจะสงสัย คือ แล้วมันเหมือน หรือต่างยังไง กับการออกแบบตกแต่งแบบร่วมสมัย (Contemporary) เราจะไปไขคำตอบ พร้อมทำความ รู้จักกับเจ้า Transitional Style พร้อมๆ กันเลยค่ะ เทรนด์แต่งบ้านสไตล์นี้สะท้อนช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่าน เป็นงานตกแต่งภายในที่นำองค์ประกอบของงานสไตล์คลาสสิค หรือแบบดั้งเดิม (Traditional) มาพัฒนาให้มีบุคลิกที่มีความโมเดิร์น (Modern) ร่วมสมัย โดยผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างมีอิสระ มีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ วัสดุที่หลากหลาย การจัดวาง และแสงสว่าง โดยแบ่งสัดส่วนการออกแบบอย่างลงตัว ‘ไม่ให้ดูย้อนยุคมากเกินไป หรือทันสมัยมากเกินไป’ โดยใช้วัสดุอุปกรณ์สมัยใหม่ เฟอร์นิเจอร์แบบที่มีการดึงดุม ติดหมุดตามแบบฉบับของเฟอร์นิเจอร์ยุคคลาสสิค ก็ยังมีการนำมาใช้อยู่ แต่จะทำการตัดทอนรูปทรงให้ดูสะอาดตา ทันสมัย และปรับโทนสีให้เข้ากับยุคปัจจุบันมากยิ่งขึ้นจึงทำให้ภาพของห้องที่ตกแต่งด้วยสไตล์นี้ดูสบายตา และร่วมสมัยอยู่เสมอ . เนื่องจากภาพรวมขององค์ประกอบของงานตกแต่งภายใน Transitional Style นั้น รวมๆ แล้วมันถือว่ามีรูปแบบใกล้เคียงกับสไตล์ร่วมสมัย (Contemporary) จึงสามารถเรียกเป็นสไตล์เดียวกันได้ เพราะเป็นการนำความคลาสสิกมาผสมผสานกับความโมเดิร์นแบบเท่าๆ กันไม่มีสไตล์ใดเด่นกว่า […]
หากคุณมองหาการออกแบบตกแต่งภายในที่สามารถดีไซน์ได้หลากหลาย และมีความยืดหยุ่นสูง (Flexible Design) คงต้องยกให้กับ สแกนดิเนเวียนสไตล์ (Scandinavian Style) ซึ่งเป็นที่นิยมจากทั้งนักออกแบบ และผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน ตอนนี้หลายคนคงจะพบเห็นการตกแต่งสไตล์นี้มากขึ้น เพราะไม่ว่าจะไปไหนมาไหนก็จะพบเห็นการตกแต่งสไตล์นี้ตามบ้าน คอนโด ร้านอาหาร หรือคาเฟ่ต่างๆ . ที่มาของดีไซน์สไตล์สแกนดิเนเวียน สไตล์นี้คือสิ่งเดียวกันกับสไตล์นอร์ดิก (Nordic Style) ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกสไตล์การแต่งบ้านของคนในแถบยุโรปเหนือ ในแถบประเทศเดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน และฟินแลนด์ สไตล์นี้มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพราะเป็นรูปแบบได้รับอิทธิพล และแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ เป็นการผสมผสานดึงธรรมชาติ สัมผัสป่าไม้ ภูเขา ชมท้องฟ้าเปลี่ยนสี เข้าสู่มาอยู่ในชีวิตประจำวัน หรือที่เรียกกันว่า Organic Form ซึ่งภาพรวม จะมีเส้นสายที่ออกมาดูนุ่มนวลกว่ามากกว่างานออกแบบสไตล์โมเดิร์น และยังเป็นจุดเรียกทางด้านการออกแบบ Flexible Design เรียกได้ว่าดีไซน์นี้มีเอกลักษณ์ในการให้ความสำคัญกับการยืดหยุ่นมาเป็นแนวทางในการออกแบบมันจึงมีรูปแบบที่อิสระมาก โดยมากสไตล์นี้นิยมนำมาผสมผสานการตกแต่งที่มีลวดลายแนวเรโทร (Retro) ในโทนสีพาสเทล จึงทำให้มันกลายเป็นที่โดนใจเหมาะกับผู้ที่มีความทันสมัยอยู่ในตัวแต่ยังชอบความย้อนยุคที่สามารถร่วมสมัยได้ จึงกลายเป็นอีกสไตล์หนึ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีความน่าสนใจให้กับใครหลายคน . องค์ประกอบภาพรวมของสไตล์เป็นอย่างไร? อย่างที่เกริ่นไว้ว่าสไตล์นี้จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะต้นแบบของดีไซน์มีที่มาจากการออกแบบที่อยู่อาศัยในแถบยุโรปเหนือที่มีสภาพภูมิอากาศรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูหนาวที่มีอิทธิพลยาวนาน และมีความหนาวเย็นมาก และมีความมืดสลัวเกือบทั้งวันอันเนื่องมาจากขั้วโลกเหนือเบนออกห่างจากดวงอาทิตย์ ดังนั้นหลักการออกแบบ จึงมีการเลือกใช้วัสดุจึงที่เน้นโทนสีที่มีความสว่างสดใส ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนแสงธรรมชาติอย่างสีขาวเป็นหลัก เพื่อมาเติมเต็มสภาพแวดล้อมภายในที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิต . วัสดุที่นิยมใช้คืออะไร? […]
ฟิวเจอร์เทคฯ ชวนคุณมารู้จักกับเสน่ห์การแต่งบ้านให้มีเสน่ห์ความอ่อนหวาน บริสุทธิ์ และไร้เดียงสาแบบที่ซ่อนอยู่ในตัวหญิงสาวเป็นความสวยหวาน สวยเทรนดี้แบบเฟมินีนสไตล์ (Feminine Style) ด้วยไอเดียเฟอร์นิเจอร์ และไอเดียของตกแต่งที่หลากหลายเผื่อใครอยากจะปรับเปลี่ยนสไตล์ หรือเติมแต่งรสหวานให้กับบ้านของตัวเองกันค่ะ สิ่งที่จะขาดไม่ได้ของการออกแบบตกแต่งสไตล์นี้ คือการผสานสีชมพูหลากหลายเฉดสี เข้ากับเส้นสายดีไซน์โค้งเว้าเย้ายวน และวัสดุลวดลายประเภท White Marble, Bronze, Copper เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะช่วยเติมความหวานแบบหรูหรามีสไตล์ให้บ้านดูน่าสนใจ และดึงดูดท้าทายทุกสายตาในทุกๆ มุมของได้อย่าง และก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับวัสดุลวดลายแต่ละประเภทกันก่อนนะคะ . วัสดุลวดลายประเภท White Marble คืออะไร? หนึ่งใน Material ที่นิยมใช้กันในงานออกแบบ และตกแต่งภายในที่ไม่ใช่เฉพาะ เฟมินีนสไตล์ ก็คือ ‘หินอ่อน’ เพราะเป็นวัสดุที่เมื่อนำมาประกอบการออกแบบแล้วจะให้ความรู้สึกหรูหรา สงบ มั่นคง และด้วยตัวของมันเอกที่มีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวยิ่งเป็นเสน่ห์ไม่ซ้ำใครได้อย่างที่สุด ลวดลายบนแผ่นหินสีขาวที่ว่านั้นเกิดจากแร่ธาตุต่างๆ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแหล่งกำเนิดในแต่ละพื้นที่ และหนึ่งในประเทศที่เก่าแก่ และเชี่ยวชาญเกี่ยวกับหินอ่อนที่สุดก็คือประเทศ ‘อิตาลี’ ประเทศอิตาลีขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่แหล่งกำเนิดของหินอ่อนหลายชนิด ว่ากันว่าเพราะเป็นประเทศที่มีพื้นที่ที่มีความบริสุทธิ์สูง ทำให้เมื่อตัดทำการตัดแผ่นหินออกมาจะเป็นสีขาวสะอาด และยังมีลวดลายที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ด้วย เเละเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องหินอ่อนมากที่สุดของอิตาลีก็คือเมือง Carrara ใน Tuscany ทางตอนเหนือของอิตาลี ภูมิประเทศของเมืองคาราร่านั้น จะมีภูเขาหินลูกใหญ่ที่ถูกใช้เป็นแหล่งทรัพยากรส่งออกหิน ‘White Carrara’ […]
หลายๆ ท่านอาจยังไม่ทราบว่าเวลาพูดถึงคำว่า “ฮวงจุ้ย” เรากำลังหมายถึงพลังชี่ของบ้าน “ฮวง” ภาษาจีนกลางอ่านว่า “เฟิง” ที่แปลว่า “ลม” “จุ้ย” ภาษาจีนกลางอ่านว่า “สุ่ย” แปลว่า “น้ำ” นักพรต หรือ นักปราชญ์จีนโบราณเค้ามองว่า การที่ผู้คนจะอยู่อาศัยในธรรมชาติก็จะต้องใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ พลังชี่จะถูกถ่ายเท และเปลี่ยนแปลงได้ ต้องอาศัยการเคลื่อนของลม และการไหลของน้ำ ฮวงจุ้ยจึงเป็นศาสตร์การศึกษาผลกระทบของชีวิตเมื่อลมเคลื่อน และน้ำไหล พลังชี่ของธรรมชาติเป็นเช่นไรก็ย่อมมีผลต่อชีวิตมนุษย์เช่นกัน และนั่นคือเหตุผลที่เกิดความเชื่อว่า การปรับบ้านที่อยู่อาศัยให้เชื่อมเข้าสู่พลังธรรมชาติจะเป็นการช่วยให้ชีวิตยืนยาวและมีความสุขอย่างสมดุล . ยุค 9 คืออะไร ทำไมกระแสฮวงจุ้ยถึงพูดเรื่องนี้กันในช่วงเวลานี้ ปรมาจารย์โบราณเชื่อว่าอิทธิพลของดาวเหนือส่งผลโดยตรงกับชะตาชีวิตมนุษย์ ดังนั้นในศาสตร์ของฮวงจุ้ยบ้านจึงอ้างอิงมาจากการศึกษาผลกระทบของกลุ่มดาวเหนือ (กลุ่มดาวกระบวย) ซึ่งมีทั้งหมด 9 ดวง โดยจะสลับกันส่งผลทีละดวงจาก 9 ดวง ทำให้เกิดยุคในทาง ฮวงจุ้ยทั้ง 9 ยุค และแต่ละยุคจะมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามคุณลักษณะของดาวแต่ละดวง ซึ่งจะถูกนำมาคำนวณพลังชี่ของบ้าน โดยเน้นไปที่ยุคกาลต่างๆ ของฮวงจุ้ย และตอนนี้โลกเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุค 9 นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มีกระแสตื่นตัวพูดถึงเรื่องนี้กันมากในช่วงเวลานี้ เพราะบ้านใดจัดบ้านรับยุค 9 ล่วงหน้า ก็มีแนวโน้มที่จะคิดอะไรล้ำหน้าเกินคนอื่นไปหนึ่งสเตป […]
ช่วงนี้ในศาสตร์ฮวงจุ้ยว่ากันว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงยุคครั้งใหญ่ เปลี่ยนจากยุค 8 เป็นยุค 9 หลายๆ ท่านที่มีความเชื่อความสนใจในฮวงจุ้ยต่างก็กำลังเตรียมตัวกันยกใหญ่ ทำการแก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ยกันไปตามเหตุปัจจัยของแต่ละคน ทั้งนี้ในบทความนี้ฟิวเจอร์เทคฯ ได้นำเอามุมมองของหลักฮวงจุ้ยที่เป็นพื้นฐาน ที่จะสามารถนำมาใช้เสริมพลังให้กับบ้านทุกประเภท โดยไม่มีเงื่อนไขข้อแม้ในเรื่องเกี่ยวยุคที่เปลี่ยนไป หรือไม่ต้องกำหนดดวงชะตาของผู้อยู่อาศัยใดๆ ทั้งสิ้นมาให้ได้ทราบกัน 7 หลักฮวงจุ้ยพื้นฐานที่เสริมพลังให้กับบ้านทุกประเภทจะเป็นอย่างไร ไปติดตามอ่านกันเลยค่ะ . หลักพื้นฐานฮวงจุ้ยที่ 1. สร้างบ้านบนชัยภูมิที่ดี ชัยภูมิของบ้านที่ดีตามหลักฮวงจุ้ย คือ บริเวณที่สามารถเก็บพลังได้ การเลือกที่ดินที่ดีตั้งแต่ต้นจะทำให้ฮวงจุ้ยของบ้านดีตามไปด้วย โดยที่ดินที่ดีตามหลักฮวงจุ้ยนั้นจำเป็นต้องมีจุดรับ และเก็บกระแสพลังงานที่ดี เป็นที่ดินที่มีด้านกว้าง และไม่ลึกมากจนเกินไป และมีทิศทางองศาที่ไหลเวียนพลังงานได้ดี . หลักพื้นฐานฮวงจุ้ยที่ 2. คำนึงถึงแสงแดด และการไหลเวียนของลม แสงแดด และลมถือเป็นพลังงานสำคัญตามหลักของฮวงจุ้ย ดังนั้น การออกแบบบ้านให้แสงแดดส่องถึง และมีการไหลเวียนลมที่ดีจึงมีความสำคัญ เพราะนอกจากจะทำให้พลังงานไหลเข้ามาสู่ตัวบ้านแล้ว บ้านที่แดดส่องถึงเพียงพอ มีอากาศไหลเวียนดี เป็นการช่วยให้คนในบ้านอยู่สบายได้อีกด้วย ในตำแหน่งที่ตั้งของประเทศไทย ที่ดินสร้างอาคารควรหันหน้าเข้าทางทิศใต้ เพื่อรับลมเข้าทางหน้าบ้านโดยตรง อีกทั้งยังไม่โดนแดดมากจนเกินไป ส่วนทิศตะวันตก และทิศตะวันตกเฉียงใต้ก็เหมาะกับการสร้างอาคารตามหลักฮวงจุ้ยด้วยเช่นกัน แต่แดดในตอนบ่ายจะส่องเข้าทิศดังกล่าวมากเป็นพิเศษ . หลักพื้นฐานฮวงจุ้ยที่ 3. จัดสมดุลระหว่างธาตุเพื่อเพิ่มพลัง พื้นฐานของฮวงจุ้ย คือธาตุทั้งห้า […]
ประตูบานเลื่อนเป็นหนึ่งในรูปแบบประตูที่ช่วยประหยัดพื้นที่ ใช้งานได้หลากหลายแบบ หากต้องการนำมาปรับใช้กั้นห้องในบ้าน ก็ช่วยให้บ้านดูโล่ง โปร่งไม่อึดอัด ตอบโจทย์การใช้งานได้มาก ยิ่งในหน้าร้อนแบบนี้ ลองติดตั้งประตูบานเลื่อนเพื่อกั้นโซนในพื้นที่ๆ ใช้งานบ่อยเพื่อช่วยไม่ให้ความเย็นของเครื่องปรับอากาศหนีออกไป ก็จะเป็นการช่วยทำให้ห้องเย็นเร็ว และประหยัดค่าไฟไปในตัวได้ด้วยนะคะ เรามักจะเห็นการใช้ประตูบ้านแบบบานเปิดสวิงเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นรูปแบบประตูที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ยังมีประตูอีกแบบหนึ่งที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ คือ “ประตูบานเลื่อน” ด้วยความโดดเด่นของการเปิดปิดด้วยการสไลด์ไปด้านข้างแบบแนบกับผนัง ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ในการปิดเปิดเหมาะกับการตกแต่งภายในบ้านที่มีพื้นที่ไม่มาก วันนี้ฟิวเจอร์เทคฯ จึงได้รวบรวบเอาข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับประตูบานเลื่อนมาให้เป็นไอเดียในการเลือกใช้ เช่น รูปแบบต่างๆ ของประตูบานเลื่อน รางประตูบานเลื่อนมีกี่แบบ แต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกันยังไง และประเภทของประตูมีแบบไหนบ้าง เชิญติดตามอ่านกันค่ะ ประตูบานเลื่อนมีให้เลือกหลายรูปแบบทั้งตัวราง บานประตู ขึ้นอยู่กับรูปแบบบ้าน และขนาดพื้นที่ ซึ่งแต่ละแบบก็มีจุดเด่น และจุดด้อยแตกต่างกันออกไป เราจึงต้องทำความเข้าใจเพื่อจะได้เลือกใช้ให้เหมาะสมมากที่สุด เรามาเริ่มกันก่อนว่ารูปแบบของประตูบานเลื่อนมีแบบไหนบ้างกันค่ะ . รูปแบบของประตูบานเลื่อน ประตูแบบบานเฟี้ยม ประตูบานเฟี้ยม (Folding Door) มีลักษณะเป็นบานแคบๆ หน้ากว้างประมาณ 50-60 ซม. นำมาต่อกันให้ติดกันเป็นแผง โดยยึดติดบานประตูแต่ละบานด้วยบานพับ และด้านบนของประตูจะยึดติดด้วยอุปกรณ์ชุดแขวนประตูบานเฟี้ยม ลักษณะเวลาเปิดปิดประตูบานเฟี้ยมสามารถพับทบสลับกันไปเก็บที่ด้านใดด้านหนึ่ง หรือทั้งสองด้าน ทำให้เปิดประตูได้กว้าง และเปิดได้สุดกว่าประตูรูปแบบอื่นๆ จึงช่วยประหยัดพื้นที่ ไม่เสียพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน ใช้กั้นห้องต่างๆ […]
ไอเดียการออกแบบในมุมมองของงานสถาปัตยกรรม ที่ช่วยลดสิ่งสกปรก ฝุ่น เชื้อโรคต่างๆ และช่วยลดปัจจัยเสี่ยงอันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเพิ่มขึ้นได้อีกทางหนึ่ง สถานการณ์โลกที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ดูแล้วอาจจะไม่ค่อยรื่นรมย์เท่าไรนักกับการที่จะสนับสนุนให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ข่าวไวรัสโคโรน่า หรือฝุ่น PM 2.5 ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพทั้งทางตรงทางอ้อม และเนื่องจากเราคงไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงกับมลภาวะ หรือเชื้อโรคเหล่านี้ในเวลาที่ออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านได้มากนัก ดังนั้นสิ่งที่เราพอจะทำได้คือการใส่ใจจัดการกับบ้านที่เราอยู่อาศัย รวมถึงพื้นที่บริเวณรอบข้างให้ดีที่สุด ดังนั้นแนวคิดการออกแบบ ตกแต่งบ้าน ให้ห่างไกลเชื้อโรค จึงเป็นเรื่องที่เราควรจะหันมาให้ความสนใจ และปรับใช้เป็นอันดับต้นๆ เพราะมันเป็นวิธีป้องกันที่ทำได้ง่ายที่สุด จะมีวิธีการทำอย่างไรได้บ้างเราไปติดตามกันดูค่ะ . วิธีที่ 1. มีช่องเปิดที่แสงแดดส่องถึง ไม่ปิดทึบ คงพูดได้ว่า การอยู่อาศัยที่ดีควรรับรู้ได้ถึงธรรมชาติอย่าง แสงแดด ลมและพื้นที่สีเขียว เรื่องแรกที่จะขอหยิบมาพูดก่อนก็คือเรื่องของ Daylight หรือแสงธรรมชาติ ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบ้าน เพราะนอกจากจะทำให้บรรยากาศดูกว้าง โปร่ง น่าอยู่อาศัยแล้ว แสงแดดยังช่วยฆ่าเชื้อโรค ทำลายแหล่งที่อยู่และแพร่กระจายของเชื้อต่างๆ ช่วยทำลายความชื้นที่เกิดขึ้นในช่วงเวลากลางคืน ทำให้บ้านของเราไม่อับและทึบ ในการออกแบบบ้านจึงควรมีช่องเปิดเพื่อให้แสงธรรมชาติส่องเข้าถึงได้อย่างเพียงพอ แต่ในขณะเดียวกันหากมากเกินไปก็จะทำให้บ้านของเราร้อนและอยู่ไม่สบายได้เช่นกัน Tips ในการออกแบบช่องเปิด ถ้าเลือกได้ควรหลีกเลี่ยงทิศใต้และทิศตะวันตก เพราะจะได้รับอิทธิพลจากแสงแดดที่ค่อนข้างจ้าและร้อนมาก โดยทิศใต้จะรับแดดมากที่สุด และทิศตะวันตกจะเป็นทิศที่ร้อนที่สุดเนื่องจากรับแสงแดดโดยตรงในช่วงบ่ายนั่นเอง . วิธีที่ 2. มีช่องลมเพื่อให้อากาศหมุนเวียน […]