ทำความรู้จักกับ Transitional Style และแนวทางในการออกแบบตกแต่ง

สไตล์การตกแต่งบ้านแนวนี้เป็นที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในทุกวัน หากใครไม่คุ้นชินกับชื่อนี้ และนึกไม่ออกว่ามันเป็นสไตล์ประมาณไหน คงต้องบอกว่ามันเป็นเทรนด์แต่งบ้านที่มีการผสมผสานรสนิยมการตกแต่งที่หลากหลาย ให้ออกมาลงตัวในแบบที่แสดงถึงตัวตนของเจ้าของบ้าน โดยเกิดจากการผสมผสาน 2 สไตล์ คือความคลาสสิก และความโมเดิร์นไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว แต่คำถามที่หลายคนน่าจะสงสัย คือ แล้วมันเหมือน หรือต่างยังไง กับการออกแบบตกแต่งแบบร่วมสมัย (Contemporary) เราจะไปไขคำตอบ พร้อมทำความ รู้จักกับเจ้า Transitional Style พร้อมๆ กันเลยค่ะ

เทรนด์แต่งบ้านสไตล์นี้สะท้อนช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่าน เป็นงานตกแต่งภายในที่นำองค์ประกอบของงานสไตล์คลาสสิค หรือแบบดั้งเดิม (Traditional) มาพัฒนาให้มีบุคลิกที่มีความโมเดิร์น (Modern) ร่วมสมัย โดยผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างมีอิสระ มีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ วัสดุที่หลากหลาย การจัดวาง และแสงสว่าง โดยแบ่งสัดส่วนการออกแบบอย่างลงตัว ‘ไม่ให้ดูย้อนยุคมากเกินไป หรือทันสมัยมากเกินไป’ โดยใช้วัสดุอุปกรณ์สมัยใหม่ เฟอร์นิเจอร์แบบที่มีการดึงดุม ติดหมุดตามแบบฉบับของเฟอร์นิเจอร์ยุคคลาสสิค ก็ยังมีการนำมาใช้อยู่ แต่จะทำการตัดทอนรูปทรงให้ดูสะอาดตา ทันสมัย และปรับโทนสีให้เข้ากับยุคปัจจุบันมากยิ่งขึ้นจึงทำให้ภาพของห้องที่ตกแต่งด้วยสไตล์นี้ดูสบายตา และร่วมสมัยอยู่เสมอ

.

เนื่องจากภาพรวมขององค์ประกอบของงานตกแต่งภายใน Transitional Style นั้น รวมๆ แล้วมันถือว่ามีรูปแบบใกล้เคียงกับสไตล์ร่วมสมัย (Contemporary) จึงสามารถเรียกเป็นสไตล์เดียวกันได้ เพราะเป็นการนำความคลาสสิกมาผสมผสานกับความโมเดิร์นแบบเท่าๆ กันไม่มีสไตล์ใดเด่นกว่า แต่จุดที่แยกความแตกต่างอาจจะอยู่ตรงที่การออกแบบ Transitional Style จะมีการเลือกใช้วัสดุที่หลากหลายมากขึ้น เช่น วัสดุที่มีความมันวาว เป็นเมทาลิค (Metalic) มีการใช้โซฟา หรือ ใช้ Ottoman คือเก้าอี้นวมแบบไม่มีพนักพิง หรือที่ท้าวแขนที่ดึงดุมแต่รูปทรงทันสมัย และใช้โทนสีไม่ฉูดฉาด ดูสบายตา เหมาะกับการพักผ่อน

มาถึงตรงนี้หลายคนคงได้รู้จักกับการแต่งบ้านแบบ Transitional Style กันมากขึ้น และพอเข้าความแตกต่างกับแนว Contemporary แล้ว ต่อไปเราจะมาดูองค์ประกอบที่เป็นภาพรวมของการแต่งบ้านสไตล์ Transitional กันค่ะ

.

องค์ประกอบของการแต่งบ้านแบบ Transitional Style

1. แผนผังในห้อง

สำคัญมากที่ผังห้องของ Transitional Style ควรจะจัดพื้นที่ในห้องให้เชื่อมต่อกันตามสไตล์โมเดิร์น เช่น ห้องนั่งเล่นเชื่อมกับพื้นที่รับประทานอาหาร ซึ่งจะเป็นการปรับเปลี่ยนภาพของสไตล์คลาสสิกที่ปกติจะเน้นแบ่งห้องต่างๆ อย่างเป็นสัดส่วนมาผสมผสานแบบสไตล์โมเดิร์น โดยที่คงความเรียบง่ายตามสไตล์คลาสสิกไว้คือไม่เน้นการใช้เส้นโค้งมนมากเกินไป และจะต้องมีการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงของแต่งห้องไว้ตามมุมต่างๆ อย่างลงตัว

.

2. วัสดุที่ใช้ปูพื้น

สำหรับวัสดุปูพื้นควรเลือกใช้พื้นลายไม้ แต่ไม่จำเป็นต้องถึงกับใช้พื้นไม้แท้ตามแบบฉบับของสไตล์คลาสสิก (สามารถเลือกใช้วัสดุสมัยใหม่ เช่น พื้น SPC พื้นไม้ลามิเนต พื้นกระเบื้องลายไม้) และควรเลือกใช้พื้นที่เป็นโทนสีน้ำตาลอ่อน หรือสีขาว ทั้งนี้หากต้องการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็สามารถเลือกปูพื้นเป็นลวดลายเฮอร์ริ่งโบน (Herringbone Pattern) คือ ลายก้างปลา หรือลายเชฟรอน (Chevron Pattern) หรือที่เรียกติดปากว่า ลายซิกแซกที่ประกบกันพอดี ลายนี้เหมาะมากๆ กับห้องสมัยใหม่ที่ต้องการกลิ่นอายของความคลาสสิคไม่เหมือนใคร นอกจากนั้นยังช่วยลวงตาให้ห้องดูกว้างขึ้นอีกด้วย แต่ทั้งนี้อาจจะไม่เหมาะสำหรับการใช้ในพื้นที่ใหญ่ๆ เพราะจะทำให้ลายตาได้นะคะ

.

3. คุมโทนสีให้ดี

การเลือกใช้สีสันในห้องแบบ Transitional Style ควรเลือกใช้สีที่เป็นธรรมชาติ เช่น สีเบจ สีครีม สีเทา ไม่ควรเลือกใช้สีที่ฉูดฉาดมากเกินไป และเพื่อไม่ให้ภาพรวมดูน่าเบื่อมากเกินไป จะนิยมเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้มีสีตัดกับสีพื้น และผนัง เช่น หากห้องสีอ่อน ก็จะเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีโทนสีเข้มกว่าขึ้นมาในเฉดสีใกล้เคียงกัน

.

4. รูปแบบเฟอร์นิเจอร์

เฟอร์นิเจอร์ในห้อง Transitional Style มักจะเน้นการใช้งานที่สะดวกสบายเป็นหลัก โดยเน้นดีไซน์เรียบง่ายให้ฟีลแบบร่วมสมัย คือเลือกใช่ฝ้เฟอร์นิเจอร์ทั้งแบบคลาสสิก และแบบโมเดิร์น แต่จะต้องตัดทอนส่วนประกอบที่ไม่จำเป็นออกไป และจัดวางเฟอร์นิเจอร์ในรูปแบบที่ไม่ยึดติดอยู่กับส่วนใดส่วนหนึ่งของห้อง เพื่อให้สามารถเคลื่อนย้าย ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ

.

5. วัสดุที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์

วัสดุที่ใช้ตกแต่งห้อง Transitional Style ควรเป็นวัสดุที่มีผิวสัมผัสโดดเด่น เช่น ผ้าคอตตอน ผ้าลินิน ผ้าสักหลาด หนัง หรือหนังกลับ ไปจนถึงผ้ากำมะหยี่ ตามแบบสไตล์คลาสสิก ทั้งนี้อาจมีการตกแต่งเพิ่มด้วยเหล็ก หรือกระจก ที่ให้ความรู้สึกโมเดิร์นขึ้นในแบบ และสัดส่วนการผสมผสานต้องเข้ากันได้ดี โดยไม่ทิ้ง หรือไม่หนักไปในสไตล์ใดสไตล์หนึ่ง

.

6. ของแต่งห้องทั่วไป

โดยปกติการแต่งห้องสไตล์คลาสสิกจะเน้นของแต่งห้องเล็กๆ น้อยๆ วางไว้ตามจุดต่างๆ ทั่วทั้งห้อง แต่สำหรับ Transitional Style นั้น เรื่องการตกแต่งจะให้สะท้อนภาพรวมของความโมเดิร์นที่ชัดเจนมากกว่า โดยทำการลดทอนของแต่งห้องที่ไม่จำเป็น และเน้นของแต่งห้องที่ช่วยสร้างบรรยากาศเป็นกันเอง เพื่อให้บรรยากาศภายในห้องน่านั่งมากยิ่งขึ้น

.

7. แสงสว่าง

แสงสว่างในห้อง Transitional Style จะนิยมใช้โคมไฟขนาดใหญ่ และมีรูปร่างที่ซับซ้อนแบบกลิ่นอายสไตล์คลาสสิก แต่เรื่องของประเภทวัสดุนั้นจะเลือกใช้วัสดุที่ทันสมัย เช่น เหล็ก หรือโครเมียม ซึ่งให้ความรู้สึกถึงสไตล์โมเดิร์น นอกจากนี้ยังนิยมใช้แสงสว่างโทนอบอุ่น เช่น สีส้ม สีเหลือง เพื่อช่วยให้บรรยากาศในห้องอบอุ่นมากยิ่งขึ้น

.

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับข้อมูลที่ฟิวเจอร์เทคฯ ได้รวบรวมมาฝาก จากที่ได้อ่านกันไปแล้วจะเห็นได้ชัดว่า การแต่งบ้านแบบ Transitional Style นี้ถือว่าไม่มีความยุ่งยากซับซ้อนอะไร แถมยังมีจุดเด่นที่ในเรื่องความสวยทันสมัย แต่ก็ยังคงความคลาสสิกเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ไม่แปลกเลยนะคะที่สไตล์นี้ได้กลายมาเป็นสไตล์ที่ได้รับความนิยม ที่ใครๆ ก็อยากการนำไปออกแบบตกแต่งบ้านกัน.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *