Category Archives: ตกแต่งบ้าน

แต่งบ้านสไตล์ Mid-century Modern สวยเท่ มีสไตล์ ไม่ซ้ำใคร

ดีไซน์ที่ถูกผสมผสานกันอย่างลงตัวกับธรรมชาติ เฟอร์นิเจอร์รูปทรงเรขาคณิตที่เข้าถึงได้ง่าย เส้นสายที่มีความเรียบง่ายตรงไปตรงมา ใช้โทนสีหลักพวกพาสเทล (Pastel) หรือสีเอิร์ทโทน (Earth Tone) แต่ใส่ความสนุก และสร้างเอกลักษณ์ลงไปที่เฟอร์นิเจอร์ตัวโปรดสักชิ้นด้วยสีที่โดดเด่นได้ เป็นดีไซน์ที่ไม่ต้องคุมโทนตามแพตเทิร์น ถ้าคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ชื่นชอบความรู้สึกในอดีต ชอบความ Vintage แต่ไม่ชอบความฟุ้ง ความเกินในงานออกแบบสไตล์ Midcentury Modern ก็เป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่อยากแนะนำสำหรับการแต่งบ้านของคุณ วงการแฟชั่นไม่เคยมีอะไรล้มหายตายจากไปจริงๆ สิ่งเคยฮิตที่เชยลงในวันหนึ่งก็มักจะกลับมากลายเป็นกระแสหลัก และมันมักจะวนกลับมาหาเราอีกครั้งเสมอโดยอาจใช้เวลาห้าปี สิบปี หรือหลายสิบปี เช่นเดียวกับเทรนด์แต่งบ้านที่ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน สไตล์  “Mid-Century Modern” ที่เคยได้รับความนิยมมากในช่วงสงครามโลกได้กลับมาครองใจผู้คนอีกครั้งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แม้อาจจะถูกกลบด้วยกระแสของการออกแบบตกแต่งสไตล์ อื่นๆ เช่น Industial Loft , Minimalist , Scandinavian Style ฯลฯ แต่ยังไงมันก็ไม่เคยจมหายไปไหน และกลับมาฮิตถึงขีดสุดอีกครั้งในตอนนี้ โดยที่เราจะสังเกตเห็นว่าบรรดาร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร สตูดิโอ หรือแม้แต่ที่พักอาศัย ก็เริ่มมีเฟอร์นิเจอร์ และการตกแต่ง ที่บ่งบอกถึงความเป็น Mid-Century กลับมาเป็นกระแสกันมากอีกครั้ง ในบทความนี้ฟิวเจอร์เทคฯ จะชวนคุณมาทำความรู้จักกับการออกแบบตกแต่งบ้านสไตล์นี้กันค่ะ . Mid-Century Modern เกิดขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ได้รับอิทธิพลจากงานสไตล์ […]

วิธีออกแบบห้องให้ดูกว้างขึ้น

ไม่ว่าใครๆก็อยากมีบ้านที่ใหญ่โต ดูโล่ง และกว้างขวาง แต่จะทำยังไงดี ในเมื่อเรามีพื้นที่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่บ้านที่จำกัด หรืออาจจะอยู่คอนโดมิเนียม บทความนี้ฟิวเจอร์เทคฯ ได้รวบรวมแนวทางแต่งบ้านแคบๆ ให้สวย เพิ่มพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ห้องดูกว้างขึ้น โปร่ง โล่ง ไม่อึดอัด จะมีเทคนิคอะไรบ้างนั้นไปดูกันค่ะ 1. เทคนิคการใช้สีทาห้อง หากห้องของคุณมีพื้นที่คับแคบ สีผนังและสีเพดานจะเป็นตัวช่วยปรับบรรยากาศของความรู้สึกได้มาก โดยปกติจะแนะนำให้ใช้สีโทนสว่าง หรือโทนอ่อน เพราะความสว่างจะให้ความรู้สึกกว้างกว่าเดิม และสีอ่อนก็เป็นการช่วยกระจายแสงสว่าง รวมถึงสะท้อนแสงธรรมชาติเข้ามาภายในห้อง ทั้งนี้การเลือกเฉดสีที่ถูกต้องยังทำให้เราเลือกเฟอร์นิเจอร์แต่งห้องได้ง่ายขึ้นอีกด้วย จึงถือได้ว่าเทคนิคห้องมีพื้นที่แคบ การเปลี่ยนสีห้องถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุด และใช้งบประมาณน้อยที่สุดในการปรับเปลี่ยนบรรยากาศได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ยังมีรายละเอียดด้านเทคนิคที่น่าสนใจในการใช้สีเพื่อที่จะทำให้ดูห้องกว้างขึ้น ลองอ่านแล้วไปประยุกต์ใช้กันดูนะคะ . สีในโทนสว่างสามารถสะท้อนแสงได้มากกว่าสีโทนเข้ม จึงเป็นโทนสีที่ทำให้ห้องดูกว้างขึ้น ห้องที่ทาด้วยสีโทนสว่างให้ความรู้สึกสะอาด โปร่ง โล่งสบายตา ทำให้เมื่ออยู่ในห้องแล้วไม่รู้สึกอึดอัด และทำให้รู้สึกเหมือนมีพื้นที่กว้างขึ้นนั่นเอง โดยวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือใช้โทนสีสว่างทาฝาผนัง และฝ้าเพดานเป็นเฉดเดียวกันก็จะช่วยหลอกตาให้ห้องดูกว้างขึ้นได้เป็นอย่างดี สำหรับบางคน การทาสีผนังด้วยสีเดียวกันทั้งหมดอาจดูน่าเบื่อเกินไป ดังนั้นการเลือกใช้โทนสีที่ใกล้เคียงกันก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มสีสันให้กับห้อง และทำให้ห้องดูกว้างขึ้นในเวลาเดียวกัน โดยทางทฤษฎีสีนั้นสามารถเลือกจับคู่สีได้สองแบบคือ         Monochromatic เทคนิคการจับคู่สีที่เป็นที่นิยมในหมู่นักออกแบบ เป็นการเลือกสีหลักขึ้นมาหนึ่งสี และนำไปปรับให้เข้มหรืออ่อนลงเพื่อใช้เป็นคู่สี เช่น ใช้สีฟ้าเป็นสีหลัก และใช้สีฟ้าอ่อนและสีน้ำเงินเป็นสีรอง เฉดสีที่ไม่ต่างกันจนเกินไปนั้น นอกจากจะดูสบายตาและเข้ากันได้ดีแล้ว ยังช่วยเพิ่มมิติให้กับห้องได้เป็นอย่างดี […]

สร้างทางเข้าที่ยิ่งใหญ่โอ่อ่า ด้วยชุดอุปกรณ์จุดหมุนประตู 360 องศา (Pivot Hinge System 360°)

เมื่อพูดถึงการสร้างทางเข้าที่ยิ่งใหญ่ โอ่อ่า ประตูหมุนเป็นประตูที่ยืนหนึ่งในเรื่องนี้อย่างแท้จริง! มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมที่น่าประทับใจที่ทำให้ทางเข้าบ้าน ออฟฟิศสำนักงาน และพื้นที่เชิงพาณิชย์ ฯลฯ ด้วยลักษณะการออกแบบที่ทำให้เกิดความรู้สึกพิเศษอย่างเป็นเอกลักษณ์ และรวมถึงประโยชน์ใช้สอยแล้ว ต้องยอมรับเลยว่าไม่แปลกใจที่มันเป็นประตูร่วมสมัยที่ผู้คนยังคงนิยมเลือกใช้มายาวนาน ประตูบานหมุน Pivot Doors หรือที่นิยมเรียกอีกชื่อว่า “Center-hung Doors” เป็นประตูบานสวิงเดี่ยวขนาดใหญ่ประเภทหนึ่งที่หมุนที่กึ่งกลางของประตู แทนที่จะเป็นบานพับที่ติดตั้งด้านข้าง กลไกที่เป็นเอกลักษณ์นี้ช่วยให้ประตูหมุนได้อย่างราบ ประตูเหล่านี้มีชื่อเสียงในด้านความน่าดึงดูดใจด้านสุนทรียศาสตร์ เนื่องจากบานประตูเหล่านี้แสดงออกถึงความยิ่งใหญ่ และความซับซ้อน พวกมันทำหน้าที่เป็นจุดโฟกัส และดึงดูดความสนใจของใครก็ตามที่จ้องมองประตูในทันที และการที่มันออกแบบให้ไม่มีบานพับที่มองเห็นได้ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มรูปลักษณ์ที่เพรียวบาง และความทันสมัย ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมในหมู่สถาปนิกและนักออกแบบภายในที่ต้องการสร้างบรรยากาศร่วมสมัยขึ้นมา . ข้อดีของการใช้ประตูหมุน 360° 1. ให้คุณสมบัติประหยัดพื้นที่ภายในบ้านได้ ประตูหมุนใช้พื้นที่น้อยเนื่องจากไม่ต้องใช้บานสวิงแบบดั้งเดิม จึงเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก และพื้นที่ที่มีขนาดจำกัด 2. ช่วยให้การเข้าถึงที่ง่ายมากขึ้น ประตูเหล่านี้เปิดง่าย ทำให้ทุกคนเข้าถึงพื้นที่ได้ง่าย . 3. มีความสุนทรียภาพ และความทันสมัย ประตู Pivot ช่วยเพิ่มสัมผัสแห่งความซับซ้อน และสไตล์ร่วมสมัยให้กับทุกพื้นที่ มันสามารถใช้เป็นองค์ประกอบจุดเด่นสำคัญในการออกแบบตกแต่งภายในให้ดูโอ่อ่า ลึกลับ หรูหราได้ 4. ความคล่องตัวในการออกแบบ ด้วยวัสดุ พื้นผิว […]

อันตรายจากเชื้อรา และวิธีแก้ปัญหาเฟอร์นิเจอร์มีเชื้อราขึ้น

ในช่วงฤดูฝนกับฤดูหนาว ด้วยสภาพอากาศที่ทำให้สภาพแวดล้อมเกิดความชื้น และอับ อาจจะทำให้หลายบ้านต้องเจอกับปัญหาเชื้อราซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยสำหรับเฟอร์นิเจอร์ และการที่เราต้องตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังก็เพราะเชื้อราไม่เพียงแต่ทำให้เฟอร์นิเจอร์ของคุณดูไม่สวยงามเท่านั้น แต่ยังอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้อีกด้วย บทความนี้ฟิวเจอร์เทคฯ ได้เอา ความรู้เกี่ยวกับอันตรายของเชื้อรา และคำแนะนำโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีแก้ปัญหาเฟอร์นิเจอร์มีเชื้อราขึ้น โดยครอบคลุมถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตจากวัสดุต่างๆ มาให้คุณผู้อ่านได้ทราบกันค่ะ. . ลักษณะของเชื้อราประเภทต่างๆ ก่อนที่จะเริ่มขั้นตอนการกำจัดเชื้อรา สิ่งสำคัญคือต้องระบุชนิดของเชื้อราที่คุณกำลังจัดการอยู่ เชื้อราที่พบบ่อยที่สุดที่พบในเฟอร์นิเจอร์ ได้แก่ 1. Aspergillusเป็นเชื้อราที่มีศักยภาพในการสร้างสารพิษที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ • ลักษณะ : เป็นเชื้อราที่มีลักษณะเป็นเส้นใยสีเขียว หรือดำ• วิธีสังเกต : มักพบในบริเวณที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรือตู้เสื้อผ้า . 2. Stachybotrys chartarumเป็นเชื้อราที่มีศักยภาพในการสร้างสารพิษที่อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ และระบบประสาท • ลักษณะ : เป็นเชื้อราที่มีลักษณะเป็นเมือกสีดำ หรือเขียวเข้ม• วิธีสังเกต: มักพบในบริเวณที่มีความชื้นสูง และมีการรั่วซึมของน้ำ เช่น ผนังห้องน้ำ หรือเพดาน . 3. Penicilliumเป็นเชื้อราที่มีศักยภาพในการสร้างสารพิษที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ และภูมิแพ้ • ลักษณะ : เป็นเชื้อราที่มีลักษณะเป็นเส้นใยสีเขียว หรือน้ำเงิน• วิธีสังเกต : มักพบในบริเวณที่มีความชื้นสูง เช่น อาหารที่เน่าเสีย หรือตู้เย็น . 4. Cladosporiumเป็นเชื้อราที่มีศักยภาพในการสร้างสารพิษที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ และภูมิแพ้ • ลักษณะ : เป็นเชื้อราที่มีลักษณะเป็นเส้นใยสีดำ หรือน้ำตาล• วิธีสังเกต : มักพบในบริเวณที่มีความชื้นสูง เช่น ดิน หรือใบไม้ที่เปียกชื้น . วิธีสังเกตเชื้อราทั่วไป นอกจากลักษณะเฉพาะของเชื้อราแต่ละประเภทแล้ว ยังมีวิธีสังเกตเชื้อราทั่วไปที่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าดังนี้ • เชื้อราสีดำ (มักเกิดในฤดูหนาว)มักเกิดขึ้นในบริเวณที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ และห้องครัว • เชื้อราสีเขียว (มักเกิดในฤดูหนาว)เชื้อราประเภทนี้สามารถเจริญเติบโตได้ในบริเวณที่มีความชื้นปานกลาง เช่น ใต้เฟอร์นิเจอร์ หรือในตู้เสื้อผ้า • เชื้อราสีขาว (มักเกิดในฤดูฝน)เชื้อราสีขาวมักเกิดขึ้นในบริเวณที่มีความชื้นต่ำ เช่น บนเฟอร์นิเจอร์ไม้ . การแก้ปัญหาเฟอร์นิเจอร์มีเชื้อราขึ้น 1. เฟอร์นิเจอร์ไม้ • ใช้สารละลายน้ำส้มสายชู : ผสมน้ำส้มสายชูขาว 1 ส่วนกับน้ำ 1 ส่วนในขวดสเปรย์ แล้วฉีดลงบนบริเวณที่มีเชื้อรา ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วเช็ดออกด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ […]

แนะนำวิธีเลือกใช้ที่แขวนแก้วไวน์

ราวแขวนแก้วไวน์เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับผู้ที่ชื่นชอบไวน์ มันทำหน้าที่ ช่วยจัดเก็บแก้วไวน์ได้อย่างเป็นระเบียบ และปลอดภัย แต่การเลือกราวแขวนแก้วไวน์ที่เหมาะกับความต้องการอาจเป็นเรื่องยาก ดังนั้นในบทความนี้จะนำ เคล็ดลับดีๆ มาช่วยให้คุณเลือกราวแขวนแก้วไวน์อย่างมืออาชีพ เรามาเริ่มต้นจากการทำความรู้จักกับประเภทของราวแขวนแก้วไวน์กันค่ะ . ราวแขวนแก้วไวน์มีหลากหลายประเภทแต่ละประเภทมีข้อดี และความเหมาะสมที่แตกต่างกันไป แต่ในเรื่องของการเลือกใช้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการ และสไตล์ส่วนบุคคล ประเภทที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่  1. ราวแขวนแก้วไวน์แบบติดใต้ตู้ ราวแขวนประเภทนี้เป็นที่นิยมมาก เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ใต้ตู้ หรือชั้นวางของ ช่วยให้คุณเก็บแก้วไวน์ไว้ในที่ที่สะดวก ต่อการหยิบใช้ สามารถโชว์คอลเลคชันแก้วไวน์ และประหยัดพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ข้อดี . 2. ราวแขวนแก้วไวน์แบบติดผนัง ราวแขวนประเภทนี้ติดตั้งบนผนัง ช่วยให้คุณจัดแสดงแก้วไวน์ได้อย่างโดดเด่น และเป็นระเบียบ ข้อดี . 3. ราวแขวนแก้วไวน์แบบตั้งโต๊ะ ราวแขวนประเภทนี้เป็นแบบตั้งอิสระและสามารถวางไว้ในตำแหน่งใดก็ได้ของห้อง ช่วยให้คุณสร้างพื้นที่จัดเก็บแก้วไวน์ที่กำหนดเองได้ ข้อดี . 4. ราวแขวนแก้วไวน์แบบแขวนเพดาน สร้างจุดสนใจให้กับมุมพื้นที่บาร์ได้ดีให้อารมณ์ความรู้สึกสวยงามอลังการ ประหนึ่งเหมือนเป็นโคมไฟระย้า (Chandelier) ที่สามารถสร้างความรู้สึกพิเศษได้มาก ข้อดี . 5. ราวแขวนแก้วไวน์แบบหมุน ราวแขวนประเภทนี้มีฐานหมุน ช่วยให้คุณเข้าถึงแก้วไวน์ได้ง่ายดายโดยไม่ต้องถอดออกจากราวแขวน ข้อดี . แนวทางการเลือกใช้ราวแขวนแก้วไวน์ 1. พิจารณาจากวัสดุ ราวแขวนแก้วไวน์มีให้เลือกหลากหลายวัสดุ ได้แก่ เหล็ก สแตนเลส ไม้ และอะคริลิก แต่ละวัสดุมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน . 2. เลือกจากขนาด และรูปร่าง ขนาดและรูปร่างของราวแขวนแก้วไวน์จะขึ้นอยู่กับจำนวนแก้วไวน์ที่คุณมี และพื้นที่ที่มีอยู่ ราวแขวนแก้วไวน์มีให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กที่จุได้เพียงไม่กี่แก้ว ไปจนถึงขนาดใหญ่ที่จุได้หลายโหลแก้ว รูปร่างของราวแขวนแก้วไวน์ก็แตกต่างกันไปเช่นกัน ดังนั้นแล้วนอกจากจะเลือกขนาด และรูปร่างที่ต้องการแล้ว ต้องไม่ลืมที่จะเลือกราวที่ง่ายต่อการแขวน และถอดแก้ว รวมถึงพิจารณาความสูงที่เหมาะสมสาหรับการใช้งานด้วยนะคะ . 3. ตรวจสอบความจุ พิจารณาจํานวนแก้วที่คุณต้องการแขวน ความจุของราวแขวนแก้วไวน์เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนจะซื้อโดบตรวจสอบให้แน่ใจว่าราวแขวนแก้วไวน์ที่คุณเลือกสามารถจุแก้วไวน์จำนวนทั้งหมดของคุณได้ และอย่าลืมคำนึงถึงการขยายตัวของจำนวนแก้วที่อาจจะเพิ่มขึ้นในอนาคตด้วยนะคะ . 4. พิจารณาการติดตั้ง ราวแขวนแก้วไวน์มีวิธีการติดตั้งที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวัสดุ และการออกแบบ บางรุ่นติดตั้งง่ายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ ในขณะที่รุ่นอื่นๆ อาจต้องใช้สว่านหรือสกรู ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเลือกราวแขวนแก้วไวน์ที่เหมาะกับความต้องการในการติดตั้งของคุณ . 5. เลือกสไตล์ที่เหมาะสม ราวแขวนแก้วไวน์มีให้เลือกหลากหลายสไตล์ ตั้งแต่แบบดั้งเดิมไปจนถึงแบบโมเดิร์น เลือกสไตล์ที่เหมาะกับการตกแต่งบ้าน และความชอบส่วนตัวของคุณ หลักๆ คือต้องพิจารณาว่าอยากจะให้ราวเป็นจุดเด่น หรือกลมกลืนไปกับพื้นที่ . 6. ความแข็งแรง ตรวจสอบน้ำหนักที่ราวสามารถรับได้  โดยเลือกราวที่แข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักของแก้วทั้งหมดได้อย่างปลอดภัย น้ำหนักเฉลี่ย และขนาดของแก้วไวน์แตกต่างกันไปตามประเภทของแก้ว โดยทั่วไปแล้ว แก้วไวน์มีน้ำหนักระหว่าง 100 ถึง 200 […]

ดูแลเฟอร์นิเจอร์อย่างไรในหน้าหนาว 

ฤดูหนาวมาพร้อมกับความท้าทายที่ไม่เหมือนฤดูฝน โดยเฉพาะกับเฟอร์นิเจอร์ของคุณ เนื่องจากอุณหภูมิที่เย็นจัด ความชื้นต่ำ และแสงแดดที่น้อยลง สภาพอากาศเหล่านี้อาจส่งผลเสียต่อเฟอร์นิเจอร์มากกว่าที่คิด ในบทความนี้ฟิวเจอร์เทคฯ เอาข้อมูลดีดีเกี่ยวกับความเข้าใจว่าสภาพอากาศในช่วงฤดูหนาวส่งผลกระทบกับเฟอร์นิเจอร์ของเราแบบไหนบ้าง และเราจะมีวิธีการดูแลเฟอร์นิเจอร์อันมีค่าของคุณอย่างไร ไปติดตามอ่านกันค่ะ ผลกระทบจากสภาพอากาศในฤดูหนาวที่อาจก่อให้เฟอร์นิเจอร์เสียหายต่อเฟอร์นิเจอร์ 1. การแตกร้าว และหดตัว ความชื้นต่ำสามารถทำให้ไม้ และวัสดุอื่นๆ ในเฟอร์นิเจอร์แห้งและหดตัว ซึ่งอาจนำไปสู่การแตกร้าว และเสียหายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเฟอร์นิเจอร์โบราณหรือเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง . 2. การหลุดล่อนของสี และสารเคลือบเงา ความชื้นต่ำสามารถทำให้สี และสารเคลือบเงาบนเฟอร์นิเจอร์หลุดล่อนหรือลอกออกได้ เนื่องจากการขาดความชื้นที่จำเป็นในการรักษาความยืดหยุ่น . 3. การบิดงอ และเสียรูป การเปลี่ยนแปลงของระดับความชื้นอย่างรวดเร็ว หรือรุนแรงอาจทำให้เฟอร์นิเจอร์บิดงอ หรือเสียรูปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้เนื้ออ่อนหรือวัสดุที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของความชื้น . 4. การบวมของเฟอร์นิเจอร์หนัง บรรดาโซฟาเครื่องหนังที่ตั้งอยู่ในบ้าน หากเจอสภาพความชื้นในอากาศที่ต่ำมากๆ อาจทำให้เฟอร์นิเจอร์หนังแห้ง และแข็งซึ่งอาจทำให้เกิดรอยแตกลายได้  . 5. การเกิดไฟฟ้าสถิต ความชื้นต่ำสามารถเพิ่มการเกิดไฟฟ้าสถิต ซึ่งอาจดึงดูดฝุ่น และสิ่งสกปรกมาเกาะบนเฟอร์นิเจอร์ ทำให้เกิดความเสียหายต่อพื้นผิวได้ . 6. แมลง และเชื้อรา ฤดูหนาวจะมีความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ และการระเหยสูงซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่แมลงในเนื้อไม้แพร่พันธุ์ง่าย และเป็นสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดเชื้อราซึ่งอาจทำให้เฟอร์นิเจอร์เสียหายได้ . วิธีการดูแลเฟอร์นิเจอร์ในฤดูหนาว 1. รักษาความชื้น ความชื้นต่ำในฤดูหนาวอาจทำให้ไม้แห้งและแตกได้ ยิ่งบ้านที่มีเฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณล้ำค่าควรต้องหาทางหลีกเลี่ยงความเสียหายเหล่านี้ด้วยการรักษาความชื้นในบ้านของคุณให้คงที่ ด้วยการใช้เครื่องเพิ่มความชื้น ระดับความชื้นในห้องให้เหมาะสมจะมีความชื้นสัมพัทธ์ประมาณ 40-60% หรือหากกรณีสภาพอากาศไม่ได้แห้งมากก็อาจจะใช้วิธีง่ายๆ ในการรักษาความชื้น ด้วยการวางถ้วยน้ำไว้รอบๆ ห้องก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่พอช่วยได้นะคะ . 2. ไม่ปล่อยให้เฟอร์นิเจอร์อยู่ในตำแหน่งที่มีแสงแดดแรง แม้ว่าแสงแดดในฤดูหนาวจะไม่แรงเท่าในฤดูร้อน แต่ก็ยังสามารถทำลายเฟอร์นิเจอร์ได้ แสงแดดในฤดูหนาวมีความเข้มข้นของรังสียูวีสูงกว่าปกติซึ่งทำลายเนื้อไม้ของเฟอร์นิเจอร์โดยทำให้เนื้อไม้แห้งกรอบ และแตกร้าว กรณีเฟอร์นิเจอร์ที่มีองค์ประกอบเป็นหนัง เช่นโซฟาหนัง ความร้อนจากแสงแดดในฤดูหนาวสามารถทำให้หนังของเฟอร์นิเจอร์เสื่อมสภาพได้ โดยทำให้หนังเกิดซีดจาง และแตกแห้ง แนะนำให้ปิดผ้าม่านหรือมู่ลี่เพื่อป้องกันแสงแดดโดยตรง และหมุนเฟอร์นิเจอร์เป็นประจำเพื่อให้ทุกด้านได้รับแสงแดดเท่าๆ กัน . 3. ใช้ผ้าคลุมเฟอร์นิเจอร์ ผ้าคลุมเฟอร์นิเจอร์เป็นวิธีง่ายๆ ในการปกป้องเฟอร์นิเจอร์ของคุณจากฝุ่นละออง ความชื้น และแสงแดด แนะนำให้เลือกผ้าคลุมที่ทำจากวัสดุระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย หรือลินิน . 4. ทำความสะอาดเป็นประจำ ผลกระทบสำคัญของความชื้น คือเชื้อรา โดยเฉพาะในบริเวณที่แสงมักจะส่องไม่ค่อยถึง อากาศไม่ถ่ายเท จึงทำให้ เฟอร์นิเจอร์โดยเฉพาะประเถทตู้เสื้อผ้าจึงกลายเป็นมุมที่เชื้อราสามารถเจริญเติบโตได้ดี เพราะทั้งมืด ทั้งอับ และไม่มีอากาศที่ถ่ายเทอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้เฟอร์นิเจอร์ของคุณมีเชื้อราขึ้นการทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์เป็นประจำเป็นวิธีที่ดี วิธีการทำความสะอาดคือใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ มาเช็ดรอบแรกก่อน หากกรณีพบว่าเฟอร์นิเจอร์มีคราบเชื้อราฝังแน่นก็ให้ใช้กระดาษทรายขัดแล้วเช็ดออก และหลังจากนั้นให้ใช้น้ำส้มสายชู หรือสบู่เหลวผสมกับน้ำเปล่าในขวดสเปรย์นำมาฉีดพ่นลงไปให้ทั่วบริเวณที่เกิดเชื้อราทิ้งไว้ให้แห้งสนิท นี่เป็นเคล็ดลับในการป้องกันการกลับมาของเชื้อราค่ะ . 5. ซ่อมแซมความเสียหายเล็กน้อย หากคุณสังเกตเห็นความเสียหายเล็กน้อย เช่น รอยขีดข่วน รอยบุบ การบิดเบี้ยวให้ซ่อมแซมโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายมากไปกว่าเดิม คุณสามารถใช้ชุดซ่อมเฟอร์นิเจอร์ หรือปรึกษาช่างซ่อมเฟอร์นิเจอร์มืออาชีพเพื่อจัดการสิ่งเหล่านี้ก่อนจะเข้าฤดูหนาว หรือหากยังไม่มีความเสียหายคุณก็สามารถที่จะบำรุงดูแลความยืดหยุ่นของผิวเฟอร์นิเจอร์ ด้วยการทาสารเคลือบเงาไว้เสมอก็เป็นเรื่องที่ดีค่ะ .

7 องค์ประกอบสำคัญ ที่ช่วยสร้างสรรค์ห้องรับแขกให้ดูดี

ห้องรับแขก หรือห้องนั่งเล่นเป็นอีกห้องหนึ่งในบ้านที่สามารถสร้างความเพลิดเพลิน และเสียงหัวเราะให้แก่ทุกคนได้ เป็นอีกห้องหนึ่งที่สมาชิกในบ้านจะได้มาพบปะสังสรรค์พูดคุยกัน เรามาลองอ่านกันดูว่า ไอเดียเทคนิคของการจัดแต่งห้องนั่งเล่นที่ดีควรทำอย่างไร จึงจะทำให้ห้องนี้มีบรรยากาศของการพักผ่อนที่ดีได้อย่างยอดเยี่ยม . 1. ตำแหน่งของห้องสำคัญมาก หลีกเลี่ยงการสร้างห้องนั่งเล่นไว้ทางด้านตะวันตกของตัวบ้าน เพราะเป็นช่วงรับแสงแดดอันร้อนแรงยามบ่าย คงไม่มีใครอยากเข้าไปนั่งในห้องที่ร้อนระอุเหมือนเตาไฟแน่ๆ ทางที่ดีควรสร้างไว้ทางทิศใต้ของบ้าน เพื่อจะได้รับลมเย็นๆ . 2. แสงสว่างที่พอดีนำมาซึ่งความกระตือรือร้นผ่อนคลาย ห้องนั่งเล่น ควรมีแสงสว่างที่พอเหมาะ หมั่นเปิดหน้าต่างให้มีการระบายอากาศที่ดี หรือการตกแต่งแสงสว่างในยามค่ำคืนให้มีสีสัน ปรับเปลี่ยนบรรยากาศ ควรเลือกรูปแบบแสงที่ให้แสงนวลตา สว่างใส มองแล้วสบายตา จะทำให้ห้องนั่งเล่นน่าอยู่ ดูอบอุ่นมากขึ้น . 3. เติมแต่งสีเขียวเพิ่มความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ ต้นไม้ และดอกไม้ประดับ เป็นตัวช่วยที่สะดวก และง่ายสุดในการสร้างบรรยากาศภายในห้องรับแขก เพียงแค่เพิ่มมุมสบายๆ เข้าไปอย่างมุมต้นไม้ หรือวางแจกันดอกไม้เอาไว้ในมุมที่สบายตา ก็สามาถเพิ่มสีสัน และชีวิตชีวาในการพักผ่อนได้ โดยที่สามารถนำเอามาผสมผสานกับองค์ประกอบต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเอาแจกันมาวางไว้บนโต๊ะ หรือวางไว้มุมนั่งเล่น ก็จะสามารถสร้างบรรยากาศที่สบายๆ เหมือนมีสวนเล็กๆ เอาไว้ให้ได้ชื่นชมได้ทุกวัน คุณสามารถเลือกดอกไม้ประดิษฐ์มาใช้ตกแต่งได้ แต่หากใช้เป็นดอกไม้สดก็ต้องหมั่นเปลี่ยนดอกไม้ให้สดใหม่อยู่เสมอ อย่าปล่อยให้ดอกไม้เหี่ยวปักคาแจกัน เพราะทำให้รู้สึกห่อเหี่ยวไม่แจ่มใส . . 4. ที่นั่งเล่นต้องสะดวกสบาย สบายเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้สำหรับนั่งจำพวกโซฟา เก้าอี้ ไม่ควรเลือกโซฟาหรือเก้าอี้ที่นิ่มจนเกินไป เพราะจะทำให้ปวดหลังปวดตัวเวลานั่งนานๆ ควรเลือกซาหรือเก้าอี้ที่มีความแข็ง-ความนิ่มเหมาะสม เพื่อให้นั่งได้อย่างสบาย . 5. โต๊ะกลาง หรือโต๊ะข้างเพื่อความสะดวก การนั่งพักผ่อนอย่างเดียว อาจจะไม่ตอบโจทย์การใช้งานเสมอไป เพราะถ้าหากจะให้องค์ประกอบครบถ้วน ก็ควรจะต้องมีโต๊ะเอาไว้สำหรับวางของ ซึ่งอาจจะเป็นโต๊ะกลาง หรือโต๊ะข้าง ที่พร้อมใช้งาน สามารถวางของต่างๆ ได้ถนัดมือ ไม่ว่าจะเป็นการวาง แก้วน้ำ วางของว่าง บางทีอาจจะใช้วางแจกันดอกไม้เพื่อตกแต่ง หลายคนอาจไม่รู้ว่าโต๊ะกลางเพียงโต๊ะเดียว ก็จะสามารถสร้างความสมบูรณ์แบบให้พื้นที่ภายใน ห้องรับแขกได้เป็นอย่างดีนะคะ . 6. พรมปูพื้นสร้างสัมผัสพิเศษ พรม สามารถทำหน้าที่มอบสัมผัสที่แสนพิเศษที่จะสร้างบรรยากาศในการพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ หลายคนอาจไม่เชื่อว่า พรมปูพื้น จะเป็นองค์ประกอบที่ทำให้ห้องรับแขกสมบูรณ์ได้ แต่อยากให้ลองนึกถึงเวลาเราไปสถานที่ที่ดูหรูหราอบอุ่นผ่อนคลาย จะพบว่าหลายๆ ที่นั้นใช้พรมมาเป็นองค์ประกอบ โดยเฉพาะการเลือกใช้พรมที่มีขนนุ่ม ก็จะทำให้สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนในทุกย่างก้าว แถมยังสามารถนำเอามาตกแต่งให้เข้ากับบรรยากาศ และสไตล์ของห้องได้อีกด้วย โดยที่การจัดวางสามารถเติมเต็มในส่วนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี สามารถเพิ่มบรรยากาศอันแสนอบอุ่นให้มุมพักผ่อนให้เต็มไปด้วยบรรยากาศอันผ่อนคลายได้มากกว่าเดิม . 7. ผ้าม่านช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว บรรยากาศความเป็นส่วนตัวจะช่วยให้การพักผ่อนสมบูรณ์แบบได้ ซึ่งสามารถทำได้โดยการติดตั้งผ้าม่านเอาไว้บริเวณหน้าต่าง ของมุมโต๊ะนั่งเล่น หรืออาจจะเป็นการติดตั้งม่านสองชั้น ที่สามารถใช้ในการกรองแสงระหว่างวันได้ ก็จะสามารถสร้างบรรยากาศความเป็นส่วนตัวได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญผ้าม่านยังมอบความเป็นส่วนตัวให้กับมุมที่ชวนมองได้อย่างน่าประทับใจได้อีกด้วย . . เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หวังว่าจะได้ไอเดียไปปรับประยุกต์ใช้กับห้องนั่งเล่นกันหลายข้อเลยนะคะ อย่าปล่อยให้ชีวิตต้องอยู่ภายใต้บรรยากาศแบบเดิมนานเกินไป ลองลุกขึ้นมาจัดบ้าน ปรับเปลี่ยนห้องนั่งเล่นของคุณให้เต็มไปด้วยความรู้สึกสดชื่น สุข สนุก และอบอุ่น เพื่อเติมพลังให้ทุกเวลาของการพักผ่อนกันค่ะ

ปุ่มจับ Contemporary ใช้ตกแต่งเฟอร์ฯ สไตล์ Classic และ Modern

‘สรรค์สร้างเฟอร์นิเจอร์ร่วมสมัยด้วยการใช้ปุ่มจับเก๋ไก๋ให้กับหน้าบาน’ ปุ่มจับบานตู้ คืออุปกรณ์ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ที่ทำหน้าที่เดียวกับมือจับ ซึ่งนับได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะกับส่วนของบานประตูเฟอร์นิเจอร์ ปุ่มจับช่วยให้เปิดตู้ หรือลิ้นชักง่ายขึ้น ในขณะที่มือจับประตูช่วยให้ห้องดูกลมกลืน รูปแบบ และสไตล์ของมือจับส่วนมากมักจะเลือกใช้ให้มีความเชื่อมโยงกับสไตล์การตกแต่ง ส่วนปุ่มจับก็จะใช้ช่วยเสริมให้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็กอย่างตู้ หรือลิ้นชักให้มีลูกเล่นที่สวยงาม มีเสน่ห์เฉพาะตัว แต่โดยรวมแล้วเราสามารถสรุปได้ว่า ปุ่มจับ และมือจับเป็นอุปกรณ์ตกแต่งที่จะทำให้เฟอร์นิเจอร์ของเราสวยสมบูรณ์แบบขึ้นได้มากๆ . ลักษณะการใช้งานปุ่มจับ รูปลักษณ์ และดีไซน์ของปุ่มจับที่เลือกใช้จะส่งผลต่อภาพรวมของเฟอร์นิเจอร์ และบรรยากาศนั้นๆ เนื่องจากลักษณะการใช้งานของปุ่มจับสำคัญที่ความถนัดในการจับเพื่อดึง ดังนั้นในการเลือกใช้นอกจากแบบดีไซน์ที่ตอบสนองรสนิยม และความชื่นชอบของตัวผู้ใช้เป็นสำคัญแล้ว เราก็ควรจะต้องคำถึงถึงบริเวณที่จะติดตั้ง และรูปแบบที่ตอบโจทย์การใช้งานด้วย เช่น หากใช้เพื่อเปิดบานตู้ หรือดึงลิ้นชัก แนะนำให้เลือกใช้ปุ่มจับแบบที่มีความเหมาะมือกับผู้ใช้เพื่อจะได้จับดึงได้สะดวก หรือถ้าจะใช้เป็นมือจับก็ควรเลือกที่มีขนาดสั้นๆ ให้สัมพันธ์กับขนาดของเฟอร์นิเจอร์โดยไม่ลืมเรื่องความสวยงาม และความรู้สึกในยามสัมผัสเป็นสำคัญด้วย . แนะนำปุ่มจับรุ่นใหม่ที่เหมาะกับการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์สไตล์ร่วมสมัย หากใครชื่นชอบสไตล์การตกแต่งบ้านแบบ Contemporary ที่มีการผสมผสานแนวการตกแต่งของสไตล์ Classic และสไตล์ Modern เข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นแนวการตกแต่งที่เป็นที่นิยมตลอดกาลอย่างไม่เคยตกเทรนด์ เนื่องจากมันให้ความรู้สึกเป็นกลางๆ กำลังดีไม่หรูหราฟู่ฟ่าเกินไปแบบคลาสสิคจ๋า และไม่ดูทันสมัยล้ำเกินไปในแบบโมเดิร์น หัวใจความงามของเฟอร์นิเจอร์ร่วมสมัย มันเด่นตรงที่ความเรียบง่ายจากการลดทอนปรับปรุงรายละเอียดของแต่ละชิ้น จึงทำให้เฟอร์นิเจอร์ออกมาดูเรียบง่าย และมีความอเนกประสงค์ใช้งานได้จริง และเมื่อปุ่มจับ/มือจับ เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เสมือนเครื่องประดับให้กับหน้าบาน และลิ้นชัก เราจึงสามารถเลือกใช้มันเป็นจุดเด่นองค์ประกอบหลัก หรือใช้เป็น Gimmick ลูกเล่นที่สำคัญในการตกแต่งตู้เฟอร์นิเจอร์ให้ออกมาลงตัวได้ […]

6 ประโยชน์ของการใช้ราวแขวนแก้วไวน์

“ราวแขวนแก้วไวน์ อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้รักไวน์” สำหรับผู้ที่ชื่นชอบไวน์ การมีอุปกรณ์ที่เหมาะสมเพื่อจัดเก็บ และแสดงคอลเลกชันไวน์ที่ล้ำค่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง และแก้วไวน์ก็เป็นภาชนะที่สำคัญในการดื่มไวน์อย่างมีสุนทรียภาพ หลายคนมุ่งเน้นไปที่ความสำคัญของการเลือกใช้แก้วไวน์ที่เหมาะสมกับชนิดของไวน์เพื่อจะช่วยเพิ่มรสชาติ และกลิ่นของไวน์ได้อย่างเต็มที่ แต่อย่างไรก็ตาม  การให้ความสำคัญกับเรื่องของการจัดเก็บแก้วไวน์อย่างถูกวิธีก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้นแล้วในบทความนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่องที่ว่า อุปกรณ์ราวแขวนแก้วไวน์มีประโยชน์อย่างไรกันค่ะ . ประโยชน์ของราวแขวนแก้วไวน์ 1. การประหยัดพื้นที่ ราวแขวนแก้วไวน์เป็นหนึ่งในอุปกรณ์เพิ่มพื้นที่ใช้สอยในครัว หรือบาร์ คุณสามารถแขวนตะแกรงโครเมี่ยมใต้ชั้นวางของแล้วสอดแก้วไว้ด้านล่างตู้ หรือชั้นวางของได้โดยไม่ต้องใช้พื้นที่เคาน์เตอร์ หรือชั้นวาง โดยสามารถใช้งานแขวนแก้วไวน์ได้หลายใบบนราวเดียว ซึ่งเป็นวิธีประหยัดพื้นที่ที่สุดฉลาด โดยเฉพาะกรณีที่มีพื้นที่บาร์ ขนาดเล็ก . . 2. จัดระเบียบ ราวแขวนแก้วไวน์ช่วยให้คุณจัดเก็บแก้วไวน์ได้อย่างเป็นระเบียบ เพราะรูปแบบบังคับใช้ในการแขวนแก้วจะแขวนเป็นแนวเดียวกัน ซึ่งทำให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย เนื่องจากแก้วไวน์มีหลากหลายประเภท (แต่ละประเภทออกแบบมาเพื่อเสริมรสชาติ และกลิ่นของไวน์ต่างชนิดกันไป) เช่น แก้วไวน์แดง จะมีขนาดใหญ่ และมีก้านสูง , แก้วไวน์ขาวซึ่งมีขนาดเล็กกว่าแก้วไวน์แดง และมีก้านที่สั้นกว่า , แก้วไวน์สปาร์กลิง มีก้านสูง และรูปทรงแคบ , แก้วไวน์พอร์ต จะมีขนาดเล็ก และมีก้านสั้น , แก้วไวน์เชอร์รี่ จะมีขนาดเล็กมาก และมีก้านสั้น และด้วยความแตกต่างของแก้ว จึงพูดได้ว่าการที่เราใช้ราวแขวนแก้วไวน์เป็นที่จัดเก็บนั้น มันจึงเป็นประโยชน์มากๆ ในแง่ของการจัดระเบียบให้ง่ายต่อการหยิบใช้ ช่วยให้คุณทำการเสิร์ฟไวน์ง่ายที่สุด . 3. การจัดแสดงที่สวยงาม ราวแขวนแก้วไวน์สามารถจัดแสดงแก้วไวน์ของคุณให้กับห้องครัว หรือบาร์ของคุณอย่างสวยงามได้ เราสามารถเลือกราวแขวนหลายสไตล์ หลายวัสดุวัสดุให้เข้ากับการตกแต่งของพื้นที่นั้นได้ ยิ่งหากคุณมีแก้วไวน์หลากหลายประเภทแล้วล่ะก็ เพียงแค่ทำการจัดเรียงแก้วโดยแขวนไว้ตามกลุ่มหมวดหมู่ของแก้วแต่ละประเภท ด้วยรูปทรงที่มีเสน่ห์ของแก้ว รวมถึงขนาดใหญ่เล็กที่เรียงลำดับกัน ราวแขวนไว้จะทำหน้าที่จัดแสดงแก้วออกมาให้มีบรรยากาศแห่งความสวยงามเพิ่มความเพลิดเพลินในการดื่มไวน์ ให้ความรู้สึกหรูหรา และพิเศษยิ่งขึ้น เป็นการเพิ่มสุนทรียศาสตร์แห่งการดื่มได้มากขึ้นเลยทีเดียวเลยค่ะ . 4. รักษาคุณภาพแก้ว ป้องกันฝุ่น ราวแขวนแก้วไวน์ช่วยป้องกันแก้วไวน์จากฝุ่น และสิ่งสกปรก ทำให้แก้วไวน์ของคุณสะอาดพร้อมใช้งานอยู่เสมอ และยังเป็นการรักษาคุณภาพของแก้ว เพราะการแขวนแก้วคว่ำลงมันเป็นการช่วยป้องกันกลิ่นเข้าไปในแก้วได้ด้วย อย่างที่รู้กันอยู่ว่าขั้นตอนการทำความสะอาดแก้วไวน์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ดังนั้นแล้วราวแขวนแก้วไวน์จึงเป็นอุปกรณ์จัดเก็บที่ตอบโจทย์ทำให้พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มดีๆ ในนาทีที่ต้องการนะคะ . 5. ป้องกันความเสียหาย แก้วไวน์ที่แขวนอยู่บนราวจะหยิบ และหยิบได้ง่ายกว่าแก้วที่เก็บไว้ในตู้ หรือลิ้นชัก คุณไม่ต้องกังวลว่าจะทำแก้วแตก เพราะราวแขวนแก้วไวน์ช่วยลดโอกาสที่แก้วจะชนกัน หรือตกแตกได้ น้ำหนักเฉลี่ย และขนาดของแก้วไวน์มีความแตกต่างกันไปตามประเภทของแก้ว โดยทั่วไปแล้วแก้วไวน์มีน้ำหนักระหว่าง 100 ถึง 200 กรัม และมีความสูงระหว่าง 15 ถึง 25 เซนติเมตร เราจึงไม่สามารถวางซ้อนเก็บเหมือนแก้วทั่วๆ ไปได้ ดังนั้นการที่เราเก็บแก้วไว้บนราวแขวนโดยจึงเป็นการป้องกัน ความเสี่ยงไม่ให้แก้วชนกัน และยังช่วยอำนวยความสะดวกในการหยิบใช้ได้ดีอีกด้วย . . 6. แสดงคอลเลกชันแก้วไวน์ ราวแขวนแก้วไวน์เป็นของขวัญที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ชื่นชอบไวน์ รวมถึงผู้ที่ชอบจัดระเบียบบ้าน มันเป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้เป็นองค์ประกอบในส่วนตกแต่งที่หรูหราสวยงามให้กับพื้นที่ได้ สมัยก่อนเราอาจจะมีการดื่มไวน์ในโอกาสแห่งการเฉลิมฉลอง แต่สมัยนี้ผู้คนนิยมดื่มไวน์จนกลายเป็นวัฒนธรรมทางสังคมที่แทนค่าว่า การดื่มไวน์เกี่ยวข้องกับความมั่งคั่ง และสถานะทางสังคม หลายบ้านที่มีมุมเคาน์เตอร์บาร์ส่วนตัว เราแนะนำให้ใช้ราวแขวนแก้วไวน์ทำหน้าที่จัดเก็บคอลเลคชันแก้วเหล่านั้น มันช่วยจัดแสดงให้แก้วไวน์ดูสวยงามเหมือนเป็นของตกแต่ง เรียกว่าตอบโจทย์คุ้มค่ากับความสวยงาม และการใช้งานอย่างที่สุด สำหรับผู้ที่มีความหลงใหลในไวน์ และการตกแต่งภายใน ฟิวเจอร์เทคฯ เชิญชวนให้ลองออกแบบ และจัดวางเคาน์เตอร์บาร์ที่ไม่เพียงแต่สวยงามแต่ยังใช้งานได้จริงสำหรับการดื่มไวน์ของคุณ โดยที่อย่าลืมไฮไลท์ของเคาน์เตอร์บาร์ที่ขาดไม่ได้ คือ “อุปกรณ์แขวนแก้วไวน์” ที่ไม่เพียงแต่ช่วยจัดเก็บแก้วไวน์ของคุณได้อย่างมีสไตล์เฉพาะตัว แต่ยังช่วยประหยัดพื้นที่อีกด้วยนะคะ คุณสามารถเลือกชมสินค้าทางเวปไซต์ หรือจะมาเยี่ยมมสินค้าจริงที่โชว์รูมเราก็ได้นะคะ “Futuretech Freedom Living Solutions” . .

เตรียมความพร้อมบ้าน รับหน้าฝน

เมื่อหน้าฝนมาเยือนอย่างเป็นทางการ ข้อดีคือช่วยดับความร้อนระอุของอุณหภูมิในบ้านเราให้คลายลงได้ แต่ในอีกมุมหนึ่งเราก็ต้องมีการวางแผนให้ดีในเรื่องของการป้องกันดูแลปัญหาเรื่องบ้านที่มากับหน้าฝน เพราะน้ำฝน และความชื้น เป็นสาเหตุใหญ่ที่สร้างความเสียหายทั้งภายใน และภายนอกบ้านได้มากกว่าที่คิด ดังนั้นแล้วบทความนี้ ฟิวเจอร์เทคฯ ได้รวบรวมสิ่งที่ต้องทำหลักๆ เพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะไม่ต้องเจอกับความเสียหายที่บานปลายมาให้คุณผู้อ่านได้ไปสำรวจตรวจสอบบ้านของตัวเองกันก่อนนะคะ . ตรวจสอบรอยรั่ว .  ตรวจสอบพื้นบ้านว่ามีรอยรั่วหรือไม่ โดยเฉพาะบริเวณห้องน้ำและห้องครัว ซึ่งเป็นจุดที่มักเกิดปัญหาน้ำรั่วซึมได้บ่อย จุดสังเกตว่าบริเวณนั้นๆ อาจมีการรั่วซึมคือจะความชื้นโดยให้สังเกตจากกลิ่นอับ หรือคราบน้ำ หากพบจุดที่เป็นปัญหาให้รีบแก้ไขทันทีเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและความเสียหายน้ำที่อาจซึมเข้าไปในโครงสร้างของบ้าน กรณียังไม่เกิดปัญหาใดๆ ก็อย่าเพิ่งวางใจกันนะคะ สิ่งที่เราสามารถทำเพื่อกันไว้ก่อนคือ นอกจากจะหมั่นทำความสะอาดพื้นฐานแล้วให้เคลือบพื้นเป็นประจำเพื่อป้องกันความชื้น และน้ำซึมเข้าไปในพื้นบ้าน โดยเฉพาะบ้านที่เป็นพื้นไม้ และพื้นลามิเนตเพราะมันไวต่อความชื้นมากๆ ค่ะ . ทาสีบ้าน . การทาสีบ้านใหม่เป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยรับมือกับฝนได้ดีเพราะช่วยทำให้ความชื้นซึมเข้าสู่ตัวบ้านได้ง่ายๆ ยิ่งหากบ้านของเรามีสีที่เริ่มหลุด ลอกร่อน นอกจากจะทำให้บ้านดูเก่า และโทรม แล้ว มันยังเป็นการบ่งบอกว่าผนังปูนเริ่มเกิดความเสื่อมโทรม จึงถึงเวลาที่ควรจะทาสีบ้านใหม่ และหากเป็นไปได้ ควรเลือกใช้สีทาภายนอกคุณภาพดีที่มีคุณสมบัติในการป้องกันความชื้น กันเชื้อรา และทำความสะอาดได้ง่าย ก็จะเป็นการตอบโจทย์เรื่องการรับมือกับฤดูฝนในระยะยาวได้ด้วย . พื้นบ้าน . ตรวจสอบพื้นบ้าน หากมีรอยรั่วหรือชำรุดให้รีบซ่อมแซมเพื่อป้องกันน้ำขัง และความชื้น โดยเฉพาะบริเวณห้องน้ำ และห้องครัว ซึ่งเป็นจุดที่มักเกิดปัญหาน้ำรั่วซึมได้บ่อย เนื่องจากพื้นบ้านเป็นส่วนที่สัมผัสกับน้ำโดยตรง หากมีรอยรั่วหรือชำรุด น้ำอาจซึมเข้าไปภายในบ้านได้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น ความชื้น และเชื้อรา ความชื้นเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของเชื้อรา และเชื้อราเหล่านี้อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น ภูมิแพ้ และโรคระบบทางเดินหายใจกับผู้อยู่อาศัยได้ อีกทั้งน้ำที่ซึมเข้ามาในบ้านเป็นเวลานานอาจทำให้โครงสร้างบ้านเสียหายได้ เช่น ทำให้ไม้ผุ หรือเหล็กเป็นสนิม ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของโครงสร้างผู้อยู่อาศัยได้ ยังไม่รวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดกับข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ . ทำความสะอาดรางน้ำฝน . ไม่ว่าบ้านของเราจะใช้รางน้ำฝน แบบใด ปัญหาที่พบได้เหมือนๆ กันก็คือ มีใบไม้ กิ่งไม้แห้ง หรือเศษขยะเข้าไปกองสุมภายในรางอุดตันกีดขวางทางไหลของน้ำฝน เมื่อฝนตกก็ทำให้น้ำล้นราง และเอ่อล้นไหลย้อนรั่วซึมเข้าตัวบ้าน และบางกรณีอาจจะไหลเข้าไปในฝ้าเพดานจนอาจเกิดความเสียหายขึ้นได้ ดังนั้นเราจึงต้องหมั่นสังเกตให้ดีว่าท่อน้ำทิ้ง หรือรางน้ำฝนยังใช้งานได้ดีอยู่หรือเปล่า ถ้าไม่มีน้ำไหลลงมาเมื่อฝนตกก็แปลว่าตันแน่นอน เราก็ควรจะต้องกำจัดเสร็จอุดตันเหล่านั้นออกไป และแก้ไขด้วยการทำตะแกรงครอบ หรือปิดรางน้ำฝนไว้เพื่อป้องกันเศษใบไม้ไปอุดตันในรางแต่น้ำฝนยังไหลลงช่องระบายน้ำได้ . จัดการท่อระบายน้ำ และบ่อดักขยะ . เช่นเดียวกับรางน้ำฝน ท่อระบายน้ำ และบ่อดักขยะก็มักเป็นส่วนที่มีเศษใบไม้ กิ่งไม้ เศษขยะ หรือโคลนเข้าไปสะสมอุดตันเป็นต้นเหตุให้เกิดน้ำท่วมขังเช่นกัน เราควรที่จะตักเศษดินโคลนออกจากบ่อเพื่อเปิดทางเดินในการระบายน้ำ และที่สำคัญอีกส่วนของบ้านคือระเบียง หรือเฉลียง ซึ่งควรที่จะล้างและทำความสะอาดด้วยเพื่อป้องกันการอุดตันของท่อ . ตัด ทอน กิ่งไม้ใหญ่ใกล้บ้าน . บ้านหลายหลังจะมักมีต้นไม้ใหญ่ไว้ให้ความร่มรื่นภายในบริเวณบ้าน แต่สำหรับหน้าฝนนั้น เราต้องทำการตัดแต่งต้นไม้ใหญ่ เพราะต้นไม้ใหญ่อาจสร้างปัญหาที่เราไม่คาดคิด เช่นใบไม้ที่ร่วงหล่นมาอุดตันจุดระบายน้ำ รวมถึงกิ่งไม้ที่อาจจะยื่นเข้ามาภายในตัวบ้านหรือยื่นมาติดกับหลังคา ที่อาจจะทำให้เกิดปัญหาในยามฝนฟ้าลมแรงได้ค่ะ . เปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ . บางบ้านมีความคิดว่าหน้าฝนควรปิดหน้าต่างไว้เพราะกลัวฝนจะสาดเข้า แต่ในความเป็นจริงแล้วการเปิดหน้าต่างในฤดูฝน (ไม่ใช่ตอนฝนตก) มันเป็นการช่วยระบายความชื้นได้โดยหลักวิทยาศาสตร์ได้อธิบายว่า เมื่อเปิดหน้าต่าง อากาศชื้นภายในบ้านจะไหลออกไปด้านนอก และอากาศแห้งจากภายนอกจะไหลเข้ามาแทนที่ ทำให้ความชื้นในอากาศภายในบ้านลดลง เรียกว่าเป็นการแลกเปลี่ยนอากาศ ดังนั้น การเปิดหน้าต่างในฤดูฝนจึงช่วยระบายความชื้นได้ โดยเฉพาะในห้องที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ และห้องครัว  จึงเป็นหนึ่งในวิธีการที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเชื้อรา และความเสียหายต่อบ้านได้ค่ะ ฤดูฝนเป็นช่วงเวลาที่เราต้องใส่ใจดูแลบ้านเป็นพิเศษ เพราะความชื้น และฝนที่ตกหนักอาจทำให้เกิดความเสียหายได้ หากเราเตรียมความพร้อม และดูแลบ้านอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยป้องกันความเสียหายเหล่านั้นได้ และหากพบความเสียหายใดๆ กับอุปกรณ์ หรือเฟอร์นิเจอร์ในบ้านก็อย่ารอช้าให้รีบซ่อมแซมโดยเร็วที่สุดเพื่อทุกอย่างจะได้ไม่บานปลาย เรียกว่ามาทำให้บ้านของเราปลอดภัย และน่าอยู่ในฤดูฝนกันนะคะ