การออกแบบตกแต่งภายในปี 2566 นี้ เทรนด์ภาพรวมจะเน้นให้คุณค่ากับการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คน ด้วยการออกแบบให้ผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ควบคู่กับการมีส่วนร่วมในการใส่ใจสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ
ปี 2565 ที่ผ่านมา มีเทรนด์การตกแต่งบ้านที่เป็นอัตลักษณ์ชัดเจนจากช่วง Post-COVID อาทิ การใช้พื้นที่ใช้สอยในบ้านให้รองรับความต้องการของสัตว์เลี้ยง การออกแบบพื้นที่ ที่เน้นเชื่อมต่อกับธรรมชาติ ตลอดจนการครีเอทพื้นที่สำหรับผ่อนคลายความตึงเครียด หรือสร้างความสงบให้กับจิตใจได้อย่างเป็นส่วนตัวในบ้าน
.
จากรายงานเจาะเทรนด์โลก 2023 : CO-TOPIA โดย TCDC ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ พบว่า การออกแบบที่อยู่อาศัยในปี 66 ที่จะถึงนี้ ต่างมุ่งให้ความสำคัญกับการออกแบบที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งจะเน้นหนักไปให้ความสำคัญกับเรื่องการออกแบบเพื่อตอบโจทย์ด้านคุณภาพของอากาศที่ดี เป็นการออกแบบที่อยู่อาศัยที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้สามารถใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลาย ปลอดภัยในบ้านที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์
บทความนี้ เราขอรวบรวมเทรนด์การออกแบบตกแต่งบ้าน รวมถึงการเลือกใช้สีสัน และเฟอร์นิเจอร์ในปี 66 จากเหล่าผู้เชี่ยวชาญ และนักตกแต่งภายในมามอบให้เพื่อเป็นข้อมูลที่อาจจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่กำลังมองหาบ้านหลังใหม่ หรือสำหรับใครที่กำลังมองหาไอเดียการปรับเปลี่ยนตกแต่งที่อยู่อาศัยให้โดดเด่นทั้งดีไซน์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ รวมถึงคนที่อยากยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นในปี 2566 กันค่ะ
.
ภาพรวมของเทรนด์การออกแบบตกแต่งบ้าน
- เน้นสร้างพื้นที่ Nature-Inspired ภายในบ้าน
การจะมีบ้านแบบที่ใกล้ชิดธรรมชาติไม่ได้หมายถึง จะต้องมีต้นไม้แขวนในทุกอณูพื้นที่เสมอไป การสร้าง ‘พื้นที่แห่งแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ’ ภายในบ้านนั้นง่ายมาก เราสามารถเลือกพื้นที่บางส่วนในบ้านที่ต้องการให้รู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เช่น ห้องนั่งเล่น หรือห้องนอน หากบ้านไหนมีพื้นที่จำกัด หรือเป็นลักษณะคอนโด ก็สามารถเลือกใช้สิ่งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติมาตกแต่งบ้านแทนได้ เช่น การเลือกใช้สีอย่างสีเขียวอ่อน สีฟ้าอ่อน ตลอดจนการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์จากธรรมชาติ อย่างเช่น ตะกร้าหวาย โต๊ะไม้สีธรรมชาติ หรือหากอยากได้กลิ่นอายความเป็นโมเดิร์น ก็สามารถดีไซน์ผสมผสานสไตล์ด้วยการเลือกใช้ตู้เฟอร์นิเจอร์ หรือเปลี่ยนหน้าบานตู้เฟอร์นิเจอร์เดิมๆ ด้วยการติดตั้งหน้าบานที่ทำจากเฟรมอลูมิเนียม แต่เป็นสี และลายไม้ก็สามารถสร้างบรรยากาศธรรมชาติผ่อนคลายภายใต้ความทันสมัยในบ้านได้อย่างเท่ห์เก๋ไม่ซ้ำใคร
ตัวอย่างหน้าบานที่เป็นเฟรมลายไม้
.
- ห้องนั่งเล่นที่ให้คุณได้ใช้ชีวิตกลางแจ้ง
สำหรับบ้านอยู่อาศัยที่มีพื้นที่ เราสามารถปรับโซนพื้นที่ Outdoor เก๋ๆ ในบ้านให้รายล้อมด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ โดยอาจจะเพิ่มที่นั่ง หรือเปลให้ผู้อยู่อาศัยได้นั่งเล่นนอนเล่นใต้ร่มเงาจากต้นไม้ เป็นการช่วยลดความร้อนในช่วงกลางวันไปพร้อมกับสัมผัสบรรยากาศจากธรรมชาติให้คุณได้เพลิดเพลิน และผ่อนคลายไปกับธรรมชาติอย่างแท้จริง
.
- เลือกใช้สีโทนกลางกับที่อยู่อาศัย
การทาสีห้องต่างๆ ภายในบ้านด้วยสีโทนสีกลางอุ่น หรือเอิร์ธโทน (Earth Tone) ช่วยให้บรรยากาศในบ้านผ่อนคลาย และอบอุ่นขึ้นมากๆ เราอาจใช้สีหลักของห้องเป็นสีเบจ สีน้ำตาล สีขาว สีดำ สีเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติเป็นหลัก ทั้งนี้ก็สามารถเพิ่มความ สดชื่นแบบธรรมชาติด้วยการใช้สีเขียวของต้นไม้มาประดับประดาตามจุดต่างๆ ของมุมห้องมันจะเป็นการช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติได้ง่ายๆ ภายใต้ที่อยู่อาศัยที่อาจวุ่นวายภายในเมือง
.
- ใช้แสงไฟกำหนดความรู้สึก
แสงสว่างมีบทบาทอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่ออารมณ์ของผู้อยู่อาศัย การทำให้ห้องต่างๆ ภายในบ้านมีหน้าต่างบานใหญ่เพื่อให้แสงเข้ามาได้อย่างเต็มที่ และเราสามารถทอดสายตาออกไปพบกับต้นไม้ในสวนบ้านชวนให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย หรือเราอาจได้โมเม้นท์ใหม่ๆ ด้วยการหรี่ไฟให้มีแสงสว่างน้อยลงก็ทำให้ความรู้สึกของผู้คนที่อยู่ในห้องต่างออกไปจากเดิมได้ไม่น้อย
.
- บ้านที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Eco-Conscious Home)
จากเทรนด์สิ่งแวดล้อมที่คนทั่วโลกให้ความใส่ใจมากขึ้นในทุกๆ ปี ทำให้ในปี 2566 ที่จะถึงนี้ การได้อาศัยอยู่ในบ้านที่ใส่ใจในด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้คนเลือกซื้อที่อยู่อาศัย อาทิ การเลือกใช้วัสดุที่ประหยัดพลังงาน เฟอร์นิเจอร์ Eco Design ที่ให้ความสำคัญ เรื่องประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก หรืออุปกรณ์ของใช้ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลเป็นมิตรกับโลก ก็เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยม
.
นอกจากเรื่องบรรยากาศโดยรวมของการออกแบบที่อยู่อาศัยในปี 2566 ที่มุ่งเน้นให้ผู้คนได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ควบคู่กับการใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้นแล้ว เราจะมาดูเรื่องของ สี และสไตล์เฟอร์นิเจอร์ ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่อยู่ในรายละเอียดของการตกแต่งบ้านกันค่ะ
สำหรับพฤติกรรม และวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนในปีหลังจากที่ผ่านพ้นวิกฤตโควิดนี้ รูปแบบของเฟอร์นิเจอร์ที่จะมาเป็นกระแสนิยมส่วนใหญ่จะชัดเจนไปเรื่องของการที่ต้องตอบโจทย์เรื่องฟังก์ชันการใช้งานเป็นสำคัญ การออกแบบตกแต่งภายในที่จะสอดรับ และขับเคลื่อนไปกับการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์โดยที่ยังได้ใส่ใจความเป็นไปของโลก เป็นสิ่งที่ดีไซน์เนอร์ หรือนักออกแบบตกแต่งภายในจะให้ความสำคัญ เทรนด์เรื่องสีสัน และเทรนด์เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงเทรนด์ของตกแต่งในปีนี้นั้นคืออะไร และมีอะไรที่น่าหยิบไปใช้แต่งบ้านของคุณบ้าง เรามาลองอ่านกันดูค่ะ
.
เทรนด์มาแรงของสีสัน สไตล์เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้านในปี 2566
- เน้นรูปแบบผสมผสานในการตกแต่ง
เทรนด์การตกแต่งภายในบ้านปี 2566 จะแปลกใหม่ และน่าสนใจมากขึ้น เพราะเน้นการผสมผสาน ส่วนผสมที่ลงตัวของสไตล์การออกแบบตกแต่งภายในหลายแบบในทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบของไฮเทค-มินิมอลที่เข้ากันได้อย่างลงตัว สไตล์คลาสสิกแฝงความเป็นบารอก (Barque) แต่ก็ยังได้กลิ่นอายของความเป็นชนบท ทั้งนี้ ความผสมผสานนั้นจะยิ่งโดดเด่นเป็นพิเศษ หากมีการรวมเฟอร์นิเจอร์ที่ดูเหมือนจะไม่เข้ากันให้กลมกลืนกันได้อย่างสมบูรณ์ (อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังในการเลือกสี พื้นผิว รูปร่างของเฟอร์นิเจอร์ต่างๆให้เข้ากัน และควรคำนึงถึงมาตราส่วน และสัดส่วนที่แตกต่างกันด้วย) และนอกจากการผสมผสานสไตล์การแต่งบ้านที่แตกต่างให้เข้ากันได้แล้ว เพื่อที่จะสอดคล้องกับเทรนด์ปีนี้ เรายังสามารถผสมผสานทั้งของเก่าที่มีอยู่แล้วในบ้านกับของใหม่ที่เติมเข้าไปด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าเทรนด์นี้น่าจะเหมาะกับหลายบ้านที่มีของเก่าเก็บที่เป็นสิ่งของที่มีคุณค่า หรือมีประวัติที่น่าจดจำของครอบครัวหรือตระกูลมานานหลายปี เช่น ชุดโต๊ะเก้าอี้รับแขก ชุดถ้วยน้ำชา ตู้โชว์ ซึ่งเมื่อมาผสมผสานกับของตกแต่งร่วมสมัยก็จะยิ่งเพิ่มความน่าสนใจเข้ากันกับเทรนด์ตกแต่งในปีนี้ได้ดีทีเดียวค่ะ
.
- ตกแต่งให้ได้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ
แนวคิดการออกแบบตกแต่งที่อยู่อาศัยให้สอดประสานวิถีชีวิตให้ได้ใกล้ชิด หรือเป็นส่วนหนึ่งในธรรมชาติ เป็นเทรนด์การออกแบบที่ตั้งใจทำให้ภาพรวมของบ้าน และพื้นที่โดยรวมมีธรรมชาติเป็นศูนย์กลาง ดังนั้นการให้ความสำคัญในการใช้สิ่งของตกแต่งจากธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนประกอบในการแต่งบ้านจึงเป็นเทรนด์ที่จะรับความนิยมมากยิ่งขึ้น เช่น มีมุมสําหรับจัดวางกระถางต้นไม้ประดับ การเลือกใช้พรมที่ทำจากปอกระเจา ซึ่งเป็นวัสดุจากธรรมชาติ การใช้ผ้าฝ้ายธรรมชาติมาเป็นผ้าม่าน หรือปลอกหมอน ตลอดจนการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ และหิน ซึ่งสะท้อนความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
.
- ใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัย อุปกรณ์ที่เป็นเทคโนโลยี สมาร์ทดีไซน์ หรืออุปกรณ์สมาร์ทโฮม (Smart Design or Smart Home)
ทุกวันนี้ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่มีฟังก์ชันควบคุมการใช้งานด้วยแอปพลิเคชันอัจฉริยะแทบทั้งหมด อุปกรณ์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสะดวกสบาย ดังนั้น เราจะเห็นว่านักออกแบบตกแต่งภายในจะนำเทคโนโลยีที่ใช้ควบคุมฟังก์ชันการใช้งานเช่น ระบบไฟที่สามารถควบคุมความสว่างของหลอดไฟในห้องได้แม้ขณะอยู่บนเตียง สามารถปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมได้จากสมาร์ทโฟน สามารถดูการทำงานของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นผ่านแอปพลิเคชัน หรือแม้กระทั่งตรวจสอบการทํางานของเตาอบในห้องครัวก็สามารถทำได้ และก็มีการนำอุปกรณ์เทคโนโลยีมาติดตั้งเป็นฟังก์ชันตามจุดต่างๆ ในบ้าน เช่น แท่นชาร์จมือถือแบบไร้สาย รวมถึงจะมีการใช้อุปกรณ์ที่เป็นสมาร์ทโฮม อุปกรณ์ประหยัดพื้นที่ (Saving Space) ซึ่งสามารถตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยแบบบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโด หรือคอนโดขนาดเล็กแบบไมโครคอนโด (Micro Condo) ได้
.
- ใช้เฟอร์นิเจอร์ หรือของสำหรับการตกแต่งภายในที่เน้นความสบายเป็นหลัก
จริงๆ แล้วการตกแต่งภายในที่ทำให้เราสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายเป็นสิ่งที่ดีไซน์เนอร์มักจะให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ อยู่แล้ว แต่เทรนด์การออกแบบที่เน้นความสบายเป็นหลักในปี 2566 นี้ จะมีความกลมกลืน และถูกหลักสรีระศาสตร์ของมนุษย์เป็นสำคัญ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น เสริมบรรยากาศแห่งความอบอุ่นให้กับห้องนั่งเล่นด้วยเก้าอี้บีนแบค (ฺBeanbag) หรือม้านั่งขนาดเล็ก มีการตกแต่งบ้านด้วยเปลญวนที่เหมาะสำหรับการนอนเล่น หรือพักผ่อน
.
- ใช้อุปกรณ์ที่เป็นมัลติฟังก์ชันมากขึ้น
หมดสมัยแล้วที่จะจำกัดว่าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้ต้องอยู่ในห้องนี้เท่านั้น เพราะทุกวันนี้มีเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับการออกแบบมาให้เป็นมัลติฟังก์ชันมากยิ่งขึ้น ทำให้ปลดล็อกรูปแบบที่ตายตัว หรือพื้นฐานของเฟอร์นิเจอร์ตามแบบเดิม ด้วยอุปกรณ์เสริมสำหรับตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ที่มีมากมาย ทำให้เราสามารถสร้างสรรค์รูปแบบการใช้งาน 1 เฟอร์นิเจอร์ให้มีความหลากหลายใช้งานได้มากกว่า 1 ฟังก์ชัน รวมถึงอุปกรณ์มัลติฟังก์ชันบางแบบสามารถโยกย้ายจากที่หนึ่งไปอีกห้องหนึ่งเพื่อการใช้งานที่เหมาะสม และครอบคลุมมากกว่า เช่น อุปกรณ์ขาโต๊ะพับอเนกประสงค์ที่สามารถยกขึ้นมากลายเป็นโต๊ะทำงาน หรือพับลงเปลี่ยนเป็นโต๊ะกลางสำหรับรับแขกได้ หรือจะเป็นขาโต๊ะอลูมิเนียมพับได้ที่สามารถใช้ติดตั้งบริเวณใต้เคาน์เตอร์ครัว หรือติดตั้งซ่อนไว้ในตู้เฟอร์นิเจอร์ด้านล่าง เพื่อที่จะสามารถดึงออกมาเป็นโต๊ะอเนกประสงค์สำหรับเตรียมอาหาร หรือสำหรับทำเป็นโต๊ะรับประทานได้ ยังมีอุปกรณ์ฟังก์ชั่นสำหรับตู้เฟอร์นิเจอร์ เช่น ตู้ครัว ตู้เสื้อผ้า ฯลฯ ที่ช่วยให้เราสามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยต่างๆ ได้อย่างเป็นสัดเป็นส่วน เป็นการจัดระเบียบให้เนี๊ยบจากข้างใน อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในการใช้งานจุดที่เข้าถึงยาก เช่นตู้ลึก หรือตู้สูง
ทั้งนี้ในเรื่องของความเหมาะสมในการเลือกใช้ ส่วนใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับสไตล์ของเจ้าของห้อง รวมถึงพฤติกรรมของการใช้งานเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม หากใครที่มีที่อยู่อาศัยขนาดเล็ก และสนใจแนวคิดที่ว่า พื้นที่จำกัดยิ่งต้องจัดอย่างสร้างสรรค์ ก็อาจจะลองเปิดใจใช้อุปกรณ์ประหยัดพื้นที่มาเสริมเติมแต่งเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ได้ไม่ยากค่ะ
ตัวอย่างอุปกรณ์ประหยัดพื้นที่ Saving Space
.
- เน้นโครงสร้าง รวมถึงของตกแต่งที่มีรูปทรงโค้ง
ดีไซน์สไตล์โค้ง และรูปทรงโค้งมนต่างๆ เช่น ซุ้มโค้ง ประตูโค้ง มุมโค้ง ผนังซุ้มโค้ง จะเป็นฟอร์มของโครงสร้างหลักของบ้านที่เราจะพบเห็นมากในปี 2566 นี้ ในแง่ของอุปกรณ์ ของตกแต่ง หรือเฟอร์นิเจอร์ ก็จะเห็นดีไซน์ที่ตอบโจทย์รูปทรงนี้ออกมามาก เช่น โซฟาทรงพระจันทร์เสี้ยว เบาะนั่งทรงกลม หรือโครงหัวเตียงทรงครึ่งวงกลม เป็นรูปทรงที่น่าดึงดูดใจ ในมุมมองของการออกแบบตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์ทรงโค้งจะช่วยให้บ้านน่าอยู่มากขึ้น โดยจะทำให้เกิดความรู้สึกสงบ พึงพอใจ แม้กระทั่งทำให้รู้สึกมีความหวัง เพราะทรงกลม หรือขอบโค้ง เมื่อมองแล้วรู้สึกสบายตาสบายใจ ให้ความอบอุ่น และน่าอยู่ ทั้งนี้เราสามารถหาแรงบันดาลใจเพิ่มเติมถึงการออกแบบที่มีความโค้งมนได้ชัดเจนจากสถาปัตยกรรมในยุค เรเนซองส์ (Renaissance)
.
- ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค (Organic) งานแฮนด์เมด (Hand Made) และผลิตภัณฑ์ของท้องถิ่น
เมื่อพูดถึงเทรนด์การตกแต่งบ้านในปี 2566 นี้ ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค แฮนด์เมด และของท้องถิ่น จะได้รับความนิยมในการนำมาเป็นของตกแต่งมากขึ้นเรื่อยๆ จากนี้ เพราะผู้คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาใส่ใจความเป็นไปของโลก รวมถึงอยากมีส่วนร่วมกับการรณรงค์เรื่องความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ดังนั้นข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะหากเป็นชิ้นงานที่มีเอกลักษณ์ และเลียนแบบไม่ได้ รวมถึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี มีดีไซน์ที่สวยงาม และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย จะเป็นที่นิยมนำมาตกใช้แต่งบ้านเพื่อสร้างความโดดเด่นไม่เหมือนใคร และน่าจะเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในอนาคตข้างหน้าต่อไปเรื่อยๆ เรียกว่า จะไม่ตกเทรนด์ง่ายๆ
.
- เทรนด์สีม่วงลาเวนเดอร์ (Lavender Color)
เทรนด์ในการตกแต่งบ้านปี 2566 มีแรงบันดาลใจหลักคือเรื่องของการที่มุ่งหวังให้ผู้คนสามารถอยู่ร่วม และใกล้ชิดกับธรรมชาติโดยไม่ทำให้เสียความเป็นตัวของตัวเองไป และผลการสำรวจ Pantone สรุปว่า สีสันที่จะมาแรงในปี 2566 คือ Digital Lavender หรือเฉดสีม่วงพาสเทลอ่อนๆ ที่แสดงอารมณ์ 2 ชุดคือ ความร่าเริง และความสงบ จะเป็นเทรนด์หลักที่ดีไซน์เนอร์จะใช้ในการตกแต่งบ้าน เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และสดชื่นได้ในเวลาเดียวกัน ผลการวิจัยบอกไว้ว่า สีที่มีความยาวคลื่นสั้น เช่น สีม่วงอ่อนจะทำให้เกิดความรู้สึกสงบ แต่ในขณะเดียวกันสีม่วงก็จะสะท้อนถึงความหรูหรา และความซับซ้อน อีกทั้งยังช่วยให้เกิดความรู้สึกเชื่อมโยงกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง จึงทำให้มันเป็นสีที่เหมาะสำหรับการตกแต่งทุกห้อง ในบ้าน
.
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับข้อมูลอัพเดตเทรนด์การออกแบบตกแต่ง รวมถึงการเลือกใช้สีสัน และเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านในปี 2566 ที่เรานำมาฝาก เชื่อว่าหลายคนจะสามารถนำข้อมูล และไอเดียต่างๆ ไปปรับใช้ให้เข้ากับสไตล์การแต่งบ้าน ให้ตอบโจทย์กับความต้องการด้านความสะดวกสบาย ความรู้สึกผ่อนคลายในจิตใจ เพื่อเราจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในบ้านที่แสนอบอุ่นเป็นการต้อนรับสิ่งดีดีที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 กันนะคะ