7 ไอเดีย Maximal Style ฉีกทุกกฎของความเรียบง่าย มีสไตล์แบบจัดเต็ม

สำหรับใครที่ไม่ถูกจริตหรือรู้สึกว่าการจัดบ้านแบบ Minimal น่าเบื่อเกินไป วันนี้เราพามารู้จักการแต่งบ้านแบบ More is more เอาใจคนที่ชอบความจัดเต็ม สไตล์การแต่งบ้านแบบ Maximalist (แมกซ์ซิมอลลิสต์) สไตล์การแต่งบ้านที่กำลังมาแรงตอบโจทย์คนกำลังโหยหาสีสันในชีวิต จะช่วยเปลี่ยนบรรยากาศ เพิ่มความสดใสเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นภายในบ้านเรา

Maximal Style เป็นหนึ่งในแนวคิดการออกแบบ ซึ่งนำสีสัน ลวดลาย และองค์ประกอบต่างๆ ที่มีความหลากหลายเข้ามาผสมรวมกัน เพื่อตกแต่งให้สวยงาม ให้รู้สึกถึงพลังงานที่เต็มเปี่ยม สะท้อนบุคลิกภาพในแบบเฉพาะบุคคล เราไปทำความรู้จักกับที่มาที่ไปของสไตล์นี้กันค่ะ

สไตล์แมกซ์ซิมอลลิสต์เริ่มมาจากออกแบบกราฟิกของการโฆษณาในปี 1700 ผลิตโดยช่างฝีมือเพื่อส่งเสริมการบริการของพวกเขา ทำให้ผู้คนจำนวนมากสนใจ และเกิดการแพร่หลายของการพิมพ์หินสี จนยุควิคตอเรียนภาพพิมพ์หินสีกลายมาเป็นวิธีที่นิยมใช้ในการทำป้ายโฆษณาสินค้า ซึ่งนับว่าเป็นจุดเริ่มต้น และสไตล์แมกซ์ซิมอลลิสต์ มักเป็นเทรนด์หลักในการออกแบบกราฟิกอยู่เสมอ

ในแง่ของการออกแบบตกแต่งบ้าน Maximalist มีลักษณะที่โดดเด่นคือ การนำสิ่งของที่คุณชอบเข้ามาในบ้านของคุณไม่ว่าจะดูเข้ากันหรือไม่ก็ตาม เพราะหลักสำคัญของมันเกี่ยวข้องกับเรื่องของความหลงใหล และการแสดงออกถึงความเป็นตัวตนของคุณผ่านการตกแต่งภายในบ้านของคุณ และแม้การตกแต่งแบบแมกซ์ซิมอลลิสต์ อาจทำให้รู้สึกถึงความเยอะแต่ให้เข้าใจว่า มันไม่ได้แปลว่าจะต้องรกเสมอไป เพราะนัยยะของการตกแต่งยังคงต้องอาศัยการเล่นกับองค์ประกอบต่างๆ อย่างเช่นสี พื้นผิว วัตถุ หรือการจัดวาง อย่างไรก็ตาม ความแมกซ์ซิมอลก็อาจเป็นสไตล์ที่ไม่ง่ายนัก เพราะหากคุณขาดทิศทางที่ชัดเจนในการแต่งบ้าน ก็อาจเผลอจัดวางอะไรมากจนดูแน่นเกินไป ดังนั้นในบทความนี้ ฟิวเจอร์เทคฯ จะชวนมาดูแนวทางง่ายๆ ในการจัดบ้านแบบแมกซ์ซิมาลิสต์ให้ไม่ติสท์จนหลุดโลกกันค่ะ

.

แนวทางที่ 1. การเลือกใช้สี (Color)

แมกซ์ซิมอลลิสต์เท่ากับสียิ่งเยอะยิ่งดี และคำว่าเยอะในที่นี้ หมายถึงการใช้สีมากกว่า 3 สี แต่ทั้งนี้เรามีคำแนะนำเป็นข้อควรระวัง คือต้องคุมเฉดสี (Hue) ให้อยู่ เฉดสีหมายถึง ระดับความเข้มของสี สรุปง่ายๆ คือคุณจะใช้สีกี่สีก็ได้ แต่ทุกสีของคุณควรจะอยู่ในเฉดเดียวกัน

.

แนวทางที่ 2. ใช้วอลเปเปอร์ (Wallpaper)

เราสามารถเพิ่มความแมกซ์ซิมอลลิสต์แบบง่ายๆ แถมยังช่วยทำให้บรรยากาศภาพรวมได้ฟีลจัดเต็มขึ้นด้วยการใช้วอลล์เปเปอร์ ให้เลือกใช้วอลล์เปเปอร์ที่มีลวดลาย จะเป็นลายธรรมชาติ หรือ ลวดลายกราฟฟิก หรือลายที่คุณชอบที่มันแสดงออกถึงความเป็นตัวคุณ

.

แนวทางที่ 3. ตกแต่งเพิ่มด้วยงานคอลลาจ (Collage Art)

เรากำลังพูดถึงการใช้ภาพตัดปะ หรือศิลปะติดปะต่อ ซึ่งเป็นงานศิลปะประเภทที่เราพบเห็นได้บ่อยตามแบรนด์เสื้อผ้า กระเป๋า ภาพประกอบบทความตามเว็บไซต์ โซเชียล หรือโฆษณาต่างๆ หากใครนึกไม่ออกให้ลองนึกถึงศิลปะของการตัดแปะโดยใช้ส่วนของหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือเศษผ้า กระดาษ รูปภาพ สารพัดสิ่งที่หาได้ ถูกนำมาติดทั้งหมดลงไปบนกระดาษ หรือผ้าใบ และยังอาจผสมได้กับเทคนิคอื่นๆ ของการเขียนภาพเช่น Skatch หรือ Painting ทำให้งานภาพตัดปะเป็นภาพที่มีองค์ประกอบซํ้าซ้อนตอบโจทย์ความเป็นสไตล์แมกซ์ซิมอลลิสต์

ดังนั้นแนวทางการแต่งบ้านสไตล์นี้จะสมบูรณ์แบบได้ง่ายๆ เพียงแค่หาภาพตัดปะมาติดไว้บริเวณมุมนึงของห้องที่ดูมีพื้นที่ว่างเกินไป สำคัญคือ อย่าลืมเลือกภาพที่ให้มู๊ดเดียวกันกับห้องของคุณนะคะ

.

แนวทางที่ 4. ลายพรินต์ (Animal Print)

ความอมตะในวงการแฟชั่นที่มาตั้งแต่รุ่นแม่ และยังส่งอิทธิพลของลวดลายอันเย้ายวนมาสู่ยุคปัจจุบันนั่นคือ ‘เสื้อผ้าลายสัตว์’ มันเป็นลวดลายพรางตาที่ไม่เพียงสะท้อนเสน่ห์ และสไตล์ที่จัดจ้าน แต่ยังเป็นตัวแทนสะท้อนพลังบางอย่างจากธรรมชาติที่ส่งต่อถึงผู้คนผ่านผืนผ้าลายพิมพ์สุดเฟี้ยว มันเป็นแรงบันดาลใจให้ดีไซน์เนอร์สร้างสรรค์ลวดลายสัตว์ประเภทต่างๆ บนผืนผ้า เพื่อสื่อถึงอารมณ์ความรู้สึกหลากหลาย เช่น ลายงู (Snakeskin Print) , ลายเสือ (Tiger Print) , ลายม้าลาย (Zebra Print) ลวดลายเหล่านี้นอกจากจะเป็นกระแสในวงการเสื้อผ้าแล้ว เรายังสามารถนำมาตกแต่งห้องของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นเลือกนำผ้าลายเหล่านี้มาใช้กับลายผ้าม่าน หนังคลุมโซฟา หรือเฟอร์นิเจอร์หลากหลายประเภท รับรองว่ามันจะช่วยสไตล์ความเป็นแมกซ์ซิมอลลิสต์ที่น่าดึงดูดใจให้กับบ้านได้มากเลยค่ะ

.

แนวทางที่ 5. การเลือกลวดลาย (Pattern)

หากใครเลือกไม่ถูกว่าจะใช้ลวดลายอะไรในการแต่งบ้าน แบบลายนู้นก็ถูกใจลายนี้ก็ชอบ เราแนะนำให้เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยลวดลายกราฟฟิก ลักษณะของลายกราฟฟิกคือ ศิลปะชนิดหนึ่งซึ่งจะใช้สื่อความหมายด้วยเส้น สัญลักษณ์ รูปวาด ภาพถ่าย กราฟ แผนภูมิ การ์ตูน ฯลฯ ที่นำมาซ้อนทับกัน การเลือกใช้ลวดลายประเภทนี้มันทำให้ง่ายสำหรับคนที่เริ่มต้นแต่งแบบแมกซ์ซิมอลลิสต์ เรียกว่าเป็นตัวที่ช่วยทำให้ห้องดูมีอะไรขึ้น

.

แนวทางที่ 6. รูปทรง (Form)

ไอเดียในการตกแต่งจัดวางพื้นที่พื้นที่หนึ่งให้มีองค์ประกอบรวมความหลากหลายของรูปทรงอยู่ด้วยกันมันเป็นการเพิ่มความน่าสนใจให้กับห้องนั้น ดังนั้นแล้วเราสามารถจะเริ่มจากการใช้ของตกแต่งชิ้นเล็กๆ ที่มีรูปทรงแปลกตาหลากหลายชิ้นมาตัดวาง หรือจะนำของชิ้นใหญ่อย่างเช่น โซฟารูปทรงแปลกตา มาจัดวางในห้องพร้อมกับสตูตัวเล็ก หรือกระจกหนึ่งบานที่มีรูปทรงต่างกันออกไป ก็เป็นแนวทางที่ทำให้ดูน่าสนใจมากขึ้น ทั้งนี้กรณีของตกแต่งชิ้นใหญ่อย่าลืมว่าต้องใช้สีที่เป็นเฉดเดียวกัน ไม่งั้นจะทำให้ห้องดูรกได้นะคะ

.

แนวทางที่ 7. ความสมดุล (Balance)

ถึงแม้ข้าวของในห้องจะมีขนาด และสีต่างกัน แต่สิ่งสำคัญคือ มันต้องมีการสร้างความสมดุลอย่างมีศิลปะด้วยชิ้นงานเหล่านี้ด้วย ความสมดุลทำให้มองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น แม้ว่าสิ่งของในห้องจะไม่ตรงกัน แต่การจัดวางของสิ่งต่างๆ จะทำให้ดูเป็นระเบียบ และเฉลี่ยความมากน้อยในแต่ละมุมของพื้นที่ให้เท่ากัน สำคัญคือสไตล์แมกซ์ซิมอลลิสต์ ห้ามปล่อยให้มีพื้นที่ว่าง เรียกว่าจะมากจะน้อยแค่ไหนไม่รู้ รู้แต่มันต้องมีค่ะ

.

เป็นยังไงบ้างคะกับแนวทางการแต่งบ้านสไตล์แมกซ์ซิมาลิสต์ เชื่อว่าแค่ลองนึกตามก็น่าสนุกแล้วใช่ไหมคะ อย่างไรก็ตาม หากใครที่อยากจะมองหาความแปลกใหม่แต่ไม่ได้อยากถึงขั้นจัดเต็มแบบสไตล์นี้ เราก็สามารถเอาไอเดียบางส่วนมาใช้ให้เกิดความสนุกโดยไม่ต้องไปยุ่งกับภาพรวมใหญ่ของบ้านอย่างพวกสีกำแพง หรือวอลล์เปเปอร์ ด้วยการลองเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ เช่นโซฟารูปทรงสีสันที่แปลกแหวกแนวออกไป เพียงเท่านี้สร้างบรรยากาศใหม่ๆ ได้แล้วหละค่ะ เรียกว่าเอาที่สบายใจ เพราะยังไงมันก็คือบ้านของเรา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *