ปัญหาหลักๆ ของการอาศัยอยู่ในคอนโดขนาดเล็ก หรือที่เรียกว่า ไมโครคอนโด (Micro Condo) คือ พื้นที่ใช้สอยค่อนข้างน้อยถึงน้อยมาก ประมาณ 21-25 ตร.ม. ถ้าเรามีวิธีจัดการพื้นที่อย่างครีเอท ก็จะช่วยให้ห้องของคุณดูมีขนาดใหญ่มากขึ้น และอาศัยทางออกที่เวิร์ค คือการจัดสรรพื้นที่ ที่จำกัดให้มีฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน อยู่สบาย ไม่อึดอัด และมีสไตล์ที่สวยโดนใจ เพื่อจะได้ใช้ชีวิตในทุกๆ วันอย่างมีความสุข ในบทความนี้เรามี Tips ดีๆ สำหรับคนที่กำลังมองหาวิธีตกแต่งห้องคอนโดขนาดเล็กให้น่าอยู่มาแบ่งปันให้ค่ะ
คอนเซ็ปการตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น คือไอเดียหลักที่จะนำมาใช้ เพื่อตอบโจทย์การตกแต่งห้องคอนโดขนาดเล็ก อย่างที่ทราบกันว่าในประเทศญี่ปุ่นนั้น เป็นประเทศที่มีพื้นที่ขนาดเล็กแต่มีจำนวนประชากรอาศัยอยู่มาก ในด้านของที่อยู่อาศัยญี่ปุ่นจึงเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องพื้นที่ห้องแต่ละห้องที่ค่อนข้างเล็ก ถึงเล็กมาก โดยเฉพาะที่พักอาศัยในเมืองใหญ่อย่างเช่นเมืองโตเกียว ดังนั้นในแง่ของการออกแบบตกแต่ง รวมถึงการจัดการพื้นที่ใช้สอยที่ทำให้เกิดความลงตัวในการอยู่กับพื้นที่ขนาดเล็กได้ดีอย่างที่หลายคนอาจคุ้นหูในสไตล์ต่างๆ เช่น มินิมอล (Minimal Style) หรือ มูจิสไตล์ (Muji Style) จึงเป็นไอเดียที่น่าสนใจ ที่อยากจะนำเสนอให้กับชาวไมโครคอนโดในไทย ได้ดูเคล็ดลับไอเดียจากคนญี่ปุ่นเพื่อไปปรับใช้ตามอัธยาศัยกันนะคะ
.
Tips วิธีการแต่งคอนโดขนาดเล็กให้น่าอยู่
- สร้างความรู้สึกให้พื้นที่ด้วย “ช่องว่าง”
การมีพื้นที่เล็กๆ น้อยๆ คล้ายเวทีที่จะเป็นมุมเด่นภายในที่พักอาศัย ถือเป็นสิ่งที่ยึดถือกันมาเป็นร้อยปีแล้วสําหรับชาวญี่ปุ่น ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้สำหรับคนญี่ปุ่นจะใช้เพื่อสร้าง หรือสะท้อนบุคลิกของเจ้าของ บางคนเลือกพื้นที่บริเวณซอกผนังให้เป็นพื้นที่นั่งเล่น หรือพื้นที่สำหรับนั่งรับประทานอาหาร อาจมีการปลูกต้นไม้เช่น บอนไซ หรือไม้ใบ ช่วยสร้างบรรยากาศสีเขียว บางคนอาจใช้ช่องว่างอาจเป็นบริเวณซอกเตียงนอนทำเป็นชั้นวางหนังสือ หรือแก้วน้ำ ทั้งหมดนั้นกำลังจะบอกว่า แม้ว่าพื้นที่ห้องคอนโดจะมีขนาดเล็กแค่ไหน หากคุณสามารถที่จะสร้างความรู้สึกให้กับพื้นที่ในมุมใดมุมหนึ่งให้เกิดขึ้น โดยกำหนดให้เป็นโซนบรรยากาศที่คุณชอบ ภาพรวมของห้องคอนโดขนาดเล็กจะดูมีเสน่ห์ น่าสนใจ และเป็นที่อยู่อาศัยขนาดเล็กที่คุณจะสามารถใช้มุมหนึ่งเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจโดยลืมความ อึดอัดของพื้นที่ภาพรวมไปได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียวนะคะ
.
- เพิ่มพื้นที่ผนังให้มากที่สุด
คนญี่ปุ่นโดยเฉพาะในเมืองโตเกียวไม่ได้เป็นมืออาชีพในการแต่งกายเท่านั้น แต่สำหรับตกแต่งพื้นที่ให้เป็นโซนห้องแต่งตัว และวางตู้เสื้อผ้าก็เช่นเดียวกัน พวกเขาจะเตรียมพื้นที่ให้พร้อมสำหรับจัดเก็บเสื้อผ้าของใช้ ในตำแหน่งพื้นที่ตั้งแต่ส่วนของพื้นจรดเพดาน ด้วยการใช้เทคนิค คือการสร้างชั้นวาง หรือดีไซน์การเก็บของบนที่สูงเพื่อให้สามารถพับเสื้อผ้าชิ้นเล็กๆ ได้ หรือจะมีการแก้ไขผ้าม่านให้กลายเป็นที่ซ่อนของด้วย ทั้งนี้หากคุณมีเสื้อผ้าที่ต้องการแขวนมากเป็นพิเศษ คุณสามารถเลือกใช้อุปกรณ์ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ เช่น ราวแขวนผ้าโยกได้ BKC17.194.1150 เป็นอุปกรณ์แขวนผ้าที่มีฟังก์ชันด้ามมือจับสำหรับดึงราวลงมา ตอบโจทย์ดีไซน์ตู้เสื้อผ้าที่มีราวแขวนผ้าอยู่สูง สามารถใช้ติดตั้งไว้ในตู้เสื้อผ้าแบบราวแขวนสำหรับห้องคอนโดที่มีพื้นที่จำกัด การทำตู้เสื้อผ้าด้วยตัวเองเป็นตู้เสื้อผ้า D.I.Y แบบราวแขวน ก็เป็นไอเดียที่ดีที่หลายคนนิยมทำกัน ข้อดีของการใช้ตู้เสื้อผ้าแบบราวแขวน จะช่วยให้ห้องดูไม่อึดอัด ช่วยลดพื้นที่ใน การจัดวางตู้เสื้อผ้า ประหยัดงบประมาณ และยังสามารถจัดเก็บเสื้อผ้าได้ง่ายเนื่องจากเราสามารถออกแบบการใช้พื้นที่ได้อย่างเป็นอิสระ ตู้เสื้อผ้า D.I.Y แบบราวแขวนที่นิยมทำในปัจจุบัน จะมีลักษณะเป็นโซน ราวแขวนเสื้อผ้า ที่เปิดโล่งไม่มีหน้าบาน หรือมากสุดจะดีไซน์ให้เหมือนมีผ้าม่านปิดพลางเสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนราว นึกถึงสไตล์การตกแต่งบ้านของญี่ปุ่นที่เรียบง่ายแบบสไตล์มินิมอล ที่ทำโครงตู้จากวัสดุประเภทแผ่นไม้ใช้โทนสีที่สบายตาไม่ต้องปรุงแต่งมาทำตู้เสื้อผ้า (บางคนอาจจะเลือกทาสีทับลงบนแผ่นไม้) การทำโครงตู้จะไม่นิยมทำบานประตู และไม่มีชั้นวางมากมาย เพราะมีคอนเซ็ปเน้นความเรียบง่าย และเน้นอิสระในการใช้พื้นที่ ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้สามารถปรับเปลี่ยนเคลื่อนย้ายตำแหน่งการ จัดตู้เสื้อผ้า ตำแหน่งการจัดวางสิ่งของต่างๆ ได้ตลอดเวลา หลักๆ จะเริ่มจากวัดพื้นที่ ที่จะใช้เป็นโซนเก็บเสื้อผ้า และนำไม้แผ่นที่มีความสูง และกว้างตามขนาด ทำการตีกล่องทำโครงเป็นโครงตู้ขึ้นมาให้แข็งแรง หลังจากนั้นก็ทำ ราวแขวนผ้า ด้วยการใช้อุปกรณ์ราวแขวนเสื้อผ้า และอุปกรณ์หูรับราว มาติดตั้งขนาบกับโครงตู้ซ้ายขวา ในระยะความสูง และจำนวนชั้นของราวที่ต้องการ
.
- ทำแต่ละโซนของห้องให้ใช้งานได้หลากหลาย
ในโตเกียวไม่มีโซนไหนในห้องที่ทำได้เพียงหน้าที่เดียว อย่างโซนเตียงนอน นอกจากใช้นอน แล้วยังปรับเป็นพื้นที่ทำงาน หรือนั่งเล่นได้ด้วย ซึ่งเราอาจต้องวางแผนการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์เพื่อให้ตอบโจทย์ได้ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ เช่น ลองใช้โซฟาที่สามารถกางออกเป็นเตียงไว้สำหรับเป็นที่นอนและสามารถพับเก็บเพื่อเปลี่ยนเป็นมุมนั่งเล่น หรือมุมสำหรับรับแขก หรือหากมีตู้โชว์เฟอร์นิเจอร์ ก็อาจจะหาซื้ออุปกรณ์ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นขาโต๊ะพับได้ BKC33 และ BKC37 มาติดตั้งซ่อนไว้ในด้านล่างของตู้ เพื่อที่จะสามารถกางออกเป็นโต๊ะกลาง เพื่อใช้งานแบบอเนกประสงค์สำหรับห้องคอนโดขนาดเล็กได้
.
.
- แบ่งห้องเพื่อสร้างพื้นที่อเนกประสงค์
ปกติการออกแบบห้องคอนโดขนาดเล็กของคนญี่ปุ่นจะมีการใช้ฉากกั้น ซึ่งฉากกั้นนั้นอาจเลือกเป็นวัสดุโปร่งแสง เพราะนอกจากจะได้เรื่องฟังก์ชันที่หลากหลายแล้ว วัสดุกั้นโปร่งแสงยังทำให้แสงสว่างส่องผ่านเข้ามาได้อีกด้วย หรือเราอาจจะเลือกใช้ Functional Shelf เป็นชั้นวางของที่ทำด้วยโครงอลูมิเนียม สามารถใช้ทำเป็นฉากกั้นโซนแบบโปร่งไม่ทำให้ห้องดูแคบ Functional Shelf ยังออกแบบมาให้งาน เป็น Multi Function ได้ โดยสามารถทำเป็นชั้นวางของโชว์ เช่น กระเป๋า รองเท้า (กล่องรองเท้า) ที่สำคัญเฟอร์นิเจอร์นี้เราสามารถดีไซน์ความกว้าง ความสูง การเล่นระดับชั้น รวมถึงการเลือกสีของเฟรมอลูมิเนียมที่จะทำให้เข้ากันได้ดีกับห้องขนาดเล็กของเราได้ตามต้องการอีกด้วย
.
- หาอุปกรณ์จัดระเบียบข้าวของ
ชาวคอนโดคนไหนที่รู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นคนไม่ค่อยมีระเบียบ จัดบ้านได้ไม่กี่วันก็รกอีกแล้ว แนะนำให้หาซื้อของตกแต่งประเภทจัดระเบียบเอาไว้เลย เช่น กล่องแบบพับเก็บได้ ตะขอตัว S หรือ กล่องใส่ของที่ใช้เป็นเก้าอี้สตูล (Stool Chair)ได้ เป็นต้น และการเลือกซื้ออุปกรณ์ใดๆ ก็ตามเข้าไปในห้องคอนโดขนาดเล็ก สิ่งสำคัญที่ไม่ควรลืมคือ ประโยชน์ที่เราจะได้รับนั้นคุ้มค่ากับพื้นที่ที่เราจะเสียไป ถ้าเราใช้ประโยชน์จากของ 1 ชิ้น ได้มากกว่าแค่ 1 งานเราจะมีพื้นที่เพิ่มขึ้นได้อีกมาก เช่น กล่องอุปกรณ์สำหรับจัดเก็บข้าวของที่สามารถใช้เป็นสตูเก้าอี้นั่งได้, ตู้เสื้อผ้าที่เป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ หรือโต๊ะข้างเตียงแบบเลื่อนได้เพื่อเวลาไม่ใช้ก็พับเก็บได้อย่างสะดวก สรุปคือให้หา อุปกรณ์จัดเก็บสิ่งของที่เป็นมัลติฟังก์ชัน (Multi Function) เพื่อจะช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอย และฟังก์ชันการใช้งานให้คุ้มค่ากับการไปวางไว้ในพื้นที่ห้องคอนโดขนาดเล็กค่ะ
.
- เปิดรับแสงธรรมชาติ
ไม่ว่าจะเป็นห้องขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ แสงสว่างจากธรรมชาติคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้บรรยากาศดูน่าอยู่มากขึ้น ทั้งยังดีต่อสุขอนามัยของผู้อยู่อาศัยด้วย ดังนั้น เราควรเปิดพื้นที่อย่างน้อยมุมนึงของห้องที่มีแสงธรรมชาติเข้าถึง อาจใช้เป็นผ้าม่าน 2 ชั้น ชั้นนึงเป็นโปร่งแสง และอีกชั้นนึงเป็นแบบทึบแสง ชั้นโปร่งแสงใช้เพื่อเปิดรับแสงสว่างในตอนกลางวัน ให้มีบรรยากาศโปร่งโล่ง สว่างกว้าง ข้อดีของการที่มีแสงธรรมชาติเข้าถึงคือ เป็นการระบายความอับชื้น หรือสร้างอากาศหมุนเวียนที่จะส่งผลต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยในระยะยาวได้ด้วย และในส่วนของผ้าม่านชั้นทึบ ไม่ได้หมายความว่าให้ใช้สีมืดดำ ชาวคอนโดขนาดเล็ก ควรเลือกใช้เฉดสีสว่างที่ทึบแสงเข้ามาเป็นธีม(Theme)หลักของผ้าม่าน เพื่อป้องกันไม่ให้แสงเข้าถึงเวลากลางคืนแต่ยังทำให้บรรยากาศของห้องเวลาปิดผ้าม่านดูกว้างขวาง สบายตาได้ ในส่วนของผนังห้องแนะนำให้ใช้สีขาว หรือสีครีม เพราะเป็นสีที่เข้ากันได้กับเฟอร์นิเจอร์ทุกชนิด ยิ่งหากใครแต่งห้องสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งโดยมากเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่จะนิยมใช้ไม้ที่มีสีอ่อน เมื่อผ้าม่าน หรือผนังห้องที่มีสีขาวหรือสีครีม ตัดกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ ภาพบรรยากาศที่ออกมาจะสวยมาก เพราะเป็นคู่สีที่ช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายทั้งยังให้ความรู้สึกอบอุ่น ลองนึกภาพนั่งจิบกาแฟยามเช้า ในมุมผนังเล็กๆ ริมหน้าต่าง ที่มีต้นไม้สีเขียวขนาดเล็กตั้งอยู่ พร้อมแสงแดดจางๆ ในยามเช้าดูสิคะ คุณจะได้พบกับฟิลสงบ เรียบง่าย ผ่อนคลาย และความรู้สึกที่เปิดกว้าง ให้คุณพร้อมต้อนรับกับชีวิตในวันใหม่ภายใต้ห้องที่เล็กแต่แสนจะอบอุ่น
.