เคยมั๊ยคะ อยากตกแต่งบ้าน เซฟรูปห้องตัวอย่างเก็บเอาไว้เพียบ แบบนั้นก็ชอบ ห้องนี้ก็ใช่ ชอบไปหมดหลากหลายแนวจนเริ่มสับสนว่าจริงๆ แล้วเราชอบอะไร บางทีเก็บข้อมูลจะเอาไปคุยกับอินทีเรีย สไตล์ลิสต์ ก็มีความลังเลไม่แน่ใจ จนเกิดการสื่อสารที่ผิดพลาดเข้าใจไม่ตรงกันทำให้งานแบบออกมาเพี้ยนไปจากที่อยากได้มาก เพราะสไตล์การตกแต่งบ้านมีหลากหลาย อาทิเช่น
สไตล์โมเดิร์น (Modern Style)
การตกแต่งบ้านสำหรับคนที่ชอบความเรียบง่าย ไม่หรูหราอลังการ แต่ดูดีด้วยโทนสี และรูปทรงธรรมดา ซึ่งโทนสีที่นำมาใช้ บ่อยครั้ง ในสไตล์โมเดิร์น ได้แก่ สีขาว ดำ และเทา บางครั้งก็ใช้แม่สีมาเติมความสดใส และของตกแต่งรูปทรงเรขาคณิต เพื่อให้สอดคล้องกับพื้นที่และการใช้งาน
.
สไตล์โพสโมเดิร์น (Post Modern Style)
Post Modern จะสร้างรูปแบบงานออกแบบที่ดึงความแปลกใหม่ แต่ไม่รวมถึงรูปแบบ Modern และ Classic อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เป็นการนำทั้ง 2 อย่างมาผสมผสานกัน ก่อให้เกิดโครงสร้าง และผลงานที่ทันสมัยแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร มีความโดดเด่นด้วยความเรียบง่าย รวมถึงรูปทรงที่แปลก สะดุดตา ในขณะเดียวกันก็อ้างอิงถึงรายละเอียด หรือกลิ่นอายของงาน Classic ไปด้วยในตัว
.
สไตล์วินเทจ (Vintage Style)
Vintage มาจากคำว่า Vendage ในภาษาฝรั่งเศส หมายถึง การบ่มไวน์ ซึ่งยิ่งบ่มนานเท่าไรก็ยิ่งได้รสชาติดี และมีราคาสูงมากเท่านั้น ในด้านการออกแบบบ้านสไตล์วินเทจจึงหมายถึง ยิ่งกาลเวลาผ่านไปนานเท่าไรก็ยิ่งมีคุณค่า โดยการแต่งบ้านสไตล์วินเทจ คือ การจัดพื้นที่ใช้สอยแบบยุคเก่าพร้อมกับนำของเก่าที่ย้อนหลังอย่างน้อย 20 ปี โดยไม่เกินปี ค.ศ. 1920 มาประดับตกแต่งบ้านเพื่อสร้างบรรยากาศให้อบอุ่น และดูคลาสสิก นับเป็นศิลปะที่แสดงคุณค่า และความงดงามเหนือกาลเวลา
.
สไตล์คอตเทจ (Cottage Style)
Cottage Style เป็นการตกแต่งบ้านแบบคันทรี่ในฝั่งตะวันตก ซึ่งสามารถมิกซ์กับสไตล์อื่นๆได้ไม่ยาก ที่เห็นชัดสุดก็น่าจะเป็นสไตล์วินเทจเพราะมีความคล้ายคลึงกัน บ้านที่ตกแต่งภายในด้วยสไตล์นี้จะมีบรรยากาศที่ดูเป็นธรรมชาติน่าอยู่อาศัย สร้างความรู้สึกผ่อนคลายได้ดี เนื่องจากวัสดุที่ใช้จะเน้นความเป็นธรรมชาติ และดูเรียบง่าย อาทิเช่น การใช้ไม้สนโชว์ผิวไม้ทำฝ้าเพดาน หรือผนัง งานจะไม่ละเอียดมากจนเกินไปเพื่อให้เห็นถึงพื้นผิวความเป็นธรรมชาติของไม้ อีกทั้งยังมีการผสมการตกแต่งอื่นๆ ด้วยวัสดุที่เป็นของเก่าเพื่อให้ลงตัวกับองค์ประกอบโดยรวม
.
สไตล์มินิมอล (Minimal Style)
สไตล์การตกแต่งที่เรียบง่าย เน้นการใช้เฟอร์นิเจอร์แบบน้อยชิ้น แต่ละชิ้นต้องมากด้วยประโยชน์ อีกทั้งยังต้องไม่ทิ้งดีไซน์เรียบๆ ไม่ว่าจะด้วยรูปทรง สี และต้องไม่มีลวดลายมากนัก ซึ่งการจัดวางต่างๆ จะอยู่ในลักษณะที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย เอกลักษณ์ในการตกแต่งสไตล์มินิมอล คือ การมีความสมดุล และความผ่อนคลาย มักจะมีโทนสีแบบโมโนโทนหรือสีอ่อนๆ เช่น สีขาว สีเทาอ่อน สีเทาเข้ม รวมถึงการออกแบบที่มีเส้นสายตาที่ตรง และชาร์ปเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่คัดสรรมาตกแต่งในบ้านสไตล์นี้ มักจะตอบสนองการใช้งานได้อย่างครบครัน มีความพอดี ไม่มาก หรือน้อยจนเกินไป นอกจากนี้ยังเน้นการจัดสเปสให้มีความว่าง และดูกว้างขวาง โปร่งโล่ง
.
สไตล์อิเล็กทริกสไตล์ (Electric Style)
ต่างสไตล์ ต่างสมัย รวมกันได้ในห้องเดียว คือนิยามของเล็กทริกสไตล์ Electic คือ การผสมผสานวัสดุให้มีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็น กระเบื้อง เฟอร์นิเจอร์ สีของชิ้นงาน ของสะสมต่างยุคต่างสมัย โดยที่เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดอาจจะไม่ต้องเข้ากันแต่ก็จับมาอยู่ด้วยกันได้ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้ชอบรูปแบบใดแบบหนึ่งทั้งหมด เพราะยังแอบเผื่อใจให้สไตล์อื่นๆ มากมาย
.
สไตล์เรโทร (Retro Style)
การแต่งบ้านสไตล์เรโทร คือการแต่งบ้านที่ผสมผสานเฟอร์นิเจอร์ หรือข้าวของใหม่ที่ทำให้คล้ายกับสิ่งของในช่วงสมัย ค.ศ.1920 ( ปีพ.ศ.2463 – 2480) ซึ่งเป็นยุคสมัยของแฟชั่นที่เฟื่องฟู ได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมอเมริกา ทั้ง ดนตรี Hiphop, Rock, Disco ทำให้แฟชั่น ทั้งสไตล์การแต่งตัว รวมไปถึงศิลปะ สถาปัตยกรรม และงานออกแบบตกแต่งภายในมีความเฉพาะตัวที่แปลกตา จัดจ้าน และสนุกสนาน ด้วยรูปทรงที่โดดเด่นของเฟอร์นิเจอร์สไตล์โรโทร ที่ส่วนใหญ่เป็นรูปทรงเรขาคณิต เส้นสาย ดีไซน์เรียบง่ายชัดเจน และแอบซ่อนลูกเล่นด้วยการผสมผสานวัสดุอื่นๆ เช่น ผ้าบุ ไม้ หรืออะลูมิเนียม ซึ่งทั้งหมดนั้นให้ความรู้สึกเหมือนเฟอร์นิเจอร์เก่า แต่ในขณะเดียวกันก็มีความโมเดิร์น ทันสมัยอยู่ด้วย
.
มิกซ์แอนด์แมทช์สไตล์ (Mix & Match Style)
มิกซ์ แอนด์ แมทช์ สไตล์ คือการตกแต่งบ้านแบบผสมผสานระหว่างของเดิมที่มีอยู่แล้ว นำมาจับคู่กัน ตกแต่งร่วมกันอย่างกลมกลืนและเหมาะสม ทั้งนี้อาจจะใช้สิ่งของใหม่ๆ หลากสไตล์นำมาตกแต่งร่วมกับของเดิมที่มีอยู่แล้วก็ย่อมได้ การตกแต่งในสไตล์นี้เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง เพราะทั้งประหยัด สนุกไปกับการตกแต่ง เหมาะสำหรับผู้ที่มีไอเดียบรรเจิดมีความคิดสร้างสรรค์
.
สไตล์โบฮีเมียน (Bohemian Style)
การแต่งห้องในสไตล์โบฮีเมียน เป็นสไตล์การตกแต่งที่มีเอกลักษณ์สูง ให้ความรู้สึกอิสระ น่าหลงใหล และมีความสวยงามไม่เหมือนใคร เหมาะกับคนที่ชอบความหลากสีสัน แต่ยังมีความดิบเซอร์ในความรู้สึก การตกแต่งที่พักอาศัยแบบโบฮีเมียน โดยรวมจะสะท้อนให้เห็นถึงความอิสระ และการบอกเล่าเรื่องราว มักเน้นใช้โทนสีที่จัดจ้านมาผสมผสานกันให้เกิดความลงตัว นิยมใช้โทนสีที่สื่อถึงความอบอุ่น ซึ่งเป็นสีโทนร้อน เช่น สีเหลือง สีแดงอิฐ สีส้มอิฐ และจะใช้ลวดลายชนเผ่า ซึ่งเป็น เอกลักษณ์สำคัญสำหรับการแต่งห้องในสไตล์โบฮีเมียน โดยนิยมนำลวดลายชนเผ่ามาประยุกต์เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในห้อง เช่น ปลอกหมอน ผ้าห่ม พรมเช็ดเท้า โคมไฟ โดยไม่จำเป็นที่ต้องใช้ลวดลายเดียวกันทั้งห้อง แต่ให้เน้นใช้สีไปในทิศทางเดียวกัน ถือเป็นการคุมโทนการตกแต่ง
.
สไตล์โคสตัล (Coastal Style)
สไตล์โคสทัล คือ การตกแต่งที่อยู่อาศัยให้มีกลิ่นความสดชื่นแบบทะเล๊ ทะเล หรือให้อารมณ์ความรู้สึกว่ากำลังพักในบ้านพักบนเกาะตั้งแต่แรกเห็น ส่วนมากมักจะมีการตกแต่งให้ควบคู่กับสไตล์แฮมป์ตันส์ (เป็นชื่อเมืองที่ตั้งอยู่บนเกาะ) แน่นอนว่าบ้านที่ตั้งอยู่บนเกาะริมชายหาด จะต้องให้บรรยากาศที่สดชื่น เย็นสบาย เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างมาก สไตล์นี้จะเน้นไปที่การใช้สีโทนเย็น และดูใกล้เคียงกับทะเล หาดทราย สายลม เช่น สีฟ้า เขียว เบจ น้ำตาล เป็นต้น รวมทั้งใช้ของตกแต่งที่เป็นธรรมชาติ เช่น เฟอร์นิเจอร์ไม้ เปลือกหอย โหลแก้ว กรอบรูปไม้ หวาย หรือวัสดุจากการจักรสานต่างๆ มาตกแต่งบางส่วน เพื่อให้ได้บรรยากาศเหมือนออกมาท่องเที่ยว ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจเมื่อได้เข้าพัก
.
สไตล์คอนเทมโพรารี (Contemporary Style)
คอนเทมโพรารี คือสไตล์ร่วมสมัย เน้นความเรียบหรู ไม่โมเดิร์นจ๋า แต่ก็ไม่ถึงกับคลาสสิคแบบยุคคุณปู่ เน้นโทนสีเรียบๆ อย่าง สีเทา สีน้ำตาล และสีดำ แฝงไว้ด้วยความเคร่งขรึมกรุบกริบ ผสมผสานอย่างลงตัวกับของตกแต่งที่เพิ่มลูกเล่นตามแบบสมัยใหม่ เช่น เฟอร์นิเจอร์แบบมัลติฟังก์ชั่น สไตล์นี้ส่วนใหญ่จะเน้นความเรียบง่ายเป็นพื้นฐานหลัก แต่ก็ต้องอาศัยหลักความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับงานศิลปะอยู่พอสมควร เพราะจะต้องประยุกต์ใช้ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโทนสี แสงเงา วัสดุที่ใช้ และรูปทรงสัดส่วนๆต่างๆ กับพื้นที่อาศัย แต่หากเราตกแต่งอย่างไม่มีหลักการ หรือว่าความรู้แล้วก็ถือเป็นเรื่องไม่ง่าย ที่จะทำให้ออกมาสวยงามอย่างใจหวัง
.
สไตล์สแกนดิเนเวีย (Scandinavian Style)
การตกแต่งบ้านสไตล์สแกนดิเนเวียน จะมุ่งสร้างความสุขในบ้านด้วยการออกแบบที่สบายตา และช่วยให้การใช้ชีวิตในแต่ละวันลงตัวด้วยบรรยากาศที่สบายใจ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้วัสดุและโทนสีจากธรรมชาติ และให้ความสำคัญกับการนำแสงสว่างจากธรรมชาติเข้าสู่ตัวบ้านเพื่อสร้างความผ่อนคลาย เน้นวัสดุใช้ซ้ำ หรือวัสดุทดแทนวัตถุดิบจากธรรมชาติเพื่อความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นสไตล์การแต่งบ้านสไตล์ที่เหมาะกับคนที่รักความเรียบง่าย สงบ และชอบธรรมชาติ
.
สไตล์ลอฟท์ (Loft Style)
สไตล์ลอฟท์จะเน้นใช้วัสดุและลักษณะเด่นที่เน้นความ “ดิบ” ให้ความรู้สึกถึงโรงงานอุตสาหกรรมหนักในสมัยก่อน โดยในปัจจุบันก็ได้มีการดัดแปลงสไตล์ลอฟท์นี้มาใช้กับอาคารเล็กๆ อย่างแพร่หลายมากขึ้น สไตล์ลอฟท์จะเน้นความดิบความเท่ที่เป็นเอกลักษณ์ มีหนังกำแพง รวมถึวเพดานที่เป็นปูนเปลือยขัดมัน มีอิฐแดงก่อเป็นแนว โชว์ท่อไฟท่อเหล็ดตามกำแพง ฝ้า และเพดาน
.
สไตล์ทรอปิคอล (Tropical Style)
คำว่า Tropical หมายถึงเขตร้อนชื้น ดังนั้นการตกแต่งสไตล์นี้ จึงเน้นการตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติที่ประยุกต์วิธีการตกแต่งให้เข้ากับประเทศที่มีภูมิอากาศร้อนชื้น ด้วยรูปแบบที่ให้ความรู้สึกของการพักร้อนไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้โทนสี หรือ การใช้วัสดุที่มาจากธรรมชาติ Tropical Style จึงได้รับความนิยมถูกนำมาใช้ในการออกแบบตกแต่งบ้านพักตากอากาศ หรือ ตกแต่งรีสอร์ทเป็นอย่างมาก
.
สไตล์โอเรียนทอล (Oriental Style)
รูปแบบการแต่งบ้านที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ และสะท้อนความเป็นโลกตะวันออก หนึ่งในสิ่งที่ใช้สะท้อนความเป็นเอเชียได้อย่างดีก็คือสี ถ้านึกถึงการตกแต่งสไตล์จีนเราจะนึกถึงสีแดงเข้มเป็นสีหลักที่นำมาใช้ตามความเชื่อว่าสีแดงเป็นสีแห่งความเป็นสิริมงคล แต่หากเฟอร์นิเจอร์เป็นไม้ที่ไม่ได้ทำสีก็จะมีการเคลือบด้วยแลคเกอร์ที่ย้อมให้เป็นสีเข้ม ในขณะที่การตกแต่งแบบญี่ปุ่นนิยมใช้สีน้ำตาล สีเทาและสีแทน แต่สีที่นิยมมากในการตกแต่งสไตล์เอเชียคงหนีไม่พ้นสีทอง องค์ประกอบหลักในการตกแต่งสไตล์โอเรียนทอลก็คือ “พรมปูพื้น” ไม่ว่าจะเป็นเสื่อไม้ไผ่ทาตามิแบบญี่ปุ่น หรือพรมถักลายดอกไม้แบบจีน นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงผ้าที่ใช้บุเก้าอี้ ปลอกหมอนต่างๆ และผ้าม่านที่สามารถสร้างบรรยากาศแบบเอเชียๆ ให้กับห้อง
.
โคโลเนียล สไตล์ (British Colonial Style)
สีสันของอาคารนิยมใช้สีโทนอ่อนหรือสีพาสเทล เช่น สีขาว สีครีม สีชมพูอ่อน สีเหลืองอ่อน เป็นต้น ผนังของอาคารส่วนใหญ่ถูกออกแบบเพื่อช่วยลดความร้อน จึงนิยมตีผนังไม้ซ้อนเกล็ดสลับกับผนังปูน และมีการตกแต่งด้วยบัวปูนปั้นรอบชายคา โดยองค์ประกอบของเสาจะมีการลดทอนรายละเอียดจากเสาโรมัน ประตูและหน้าต่างของบ้านนิยมใช้ทั้งทรงสี่เหลี่ยมและทรงรูปโค้งเกือกม้า เพิ่มรายละเอียดด้วยเส้นประดับลูกฟักเพื่อแบ่งจังหวะให้น่าสนใจ มีการประดับปูนปั้น หรือไม้ลายฉลุรอบกรอบหน้าต่าง การตกแต่งภายในนิยมใช้เฟอร์นิเจอร์รูปแบบโบราณ วัสดุพื้นนิยมใช้คือ ไม้ หินอ่อนกระเบื้องลายโบราณ บางครั้งใช้กระเบื้องสีเรียบ 2 สี อย่างสีขาว และสีดำ ปูสลับกันเป็นตารางหมากรุก
.
จะเห็นได้ว่ามีสไตล์การตกแต่งบ้านหลากหลายมาก แต่ละสไตล์ยังมีการแตกแขนงย่อยออกไปได้อีก และด้วยความที่แต่ละแบบแต่ละสไตล์ก็มีความสวยในแบบของตัวเอง จึงไม่แปลกที่บางทีเราจะรู้สึกสับสน ไม่แน่ใจว่าชอบแบบไหนกันแน่ ดังนั้นของแบบนี้บางทีมันก็ต้องทำการทดสอบกันดู เพื่อจะได้รู้ว่าจริงๆ แล้ว ตัวตนของเรานั้นชอบการแต่งบ้านสไตล์ไหน เพื่อที่จะได้มีความชัดเจน ไม่เลือกแบบที่หลุดสไตล์ไปจนทำให้งานออกมาไม่ตอบโจทย์ถูกใจ แถมเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา
บทความนี้จะชวนไปทดลองทำแบบทดสอบโดยตอบคำถามสั้นๆ แค่ 5 ข้อ ก็จะช่วยให้พอได้รับคำตอบว่าจริงๆ แล้วคุณเป็นชอบคนที่น่าจะชอบสไตล์การตกแต่งบ้านแบบไหน แบบที่ว่านั้นเรียกว่าอะไร และสไตล์ที่ว่ามีจุดเด่นอย่างไรบ้าง เพื่อจะได้เอาไปคุยกับช่างรู้เรื่อง เมื่อพร้อมแล้วเข้าไปทำแบบทดสอบตามลิงค์นี้กันเลยค่ะ
.
ขอบคุณที่มาของลิงค์จาก เด็กดีดอทคอม
https://www.dek-d.com/quiz/funnyquiz/56022/