ประตูบานเลื่อนภายใน ตัวช่วยแบ่งพื้นที่กั้นโซนห้องอย่างมีสไตล์

ประตูบานเลื่อนเป็นหนึ่งในรูปแบบประตูที่ช่วยประหยัดพื้นที่ ใช้งานได้หลากหลายแบบ หากต้องการนำมาปรับใช้กั้นห้องในบ้าน ก็ช่วยให้บ้านดูโล่ง โปร่งไม่อึดอัด ตอบโจทย์การใช้งานได้มาก ยิ่งในหน้าร้อนแบบนี้ ลองติดตั้งประตูบานเลื่อนเพื่อกั้นโซนในพื้นที่ๆ ใช้งานบ่อยเพื่อช่วยไม่ให้ความเย็นของเครื่องปรับอากาศหนีออกไป ก็จะเป็นการช่วยทำให้ห้องเย็นเร็ว และประหยัดค่าไฟไปในตัวได้ด้วยนะคะ

เรามักจะเห็นการใช้ประตูบ้านแบบบานเปิดสวิงเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นรูปแบบประตูที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ยังมีประตูอีกแบบหนึ่งที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ คือ “ประตูบานเลื่อน” ด้วยความโดดเด่นของการเปิดปิดด้วยการสไลด์ไปด้านข้างแบบแนบกับผนัง ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ในการปิดเปิดเหมาะกับการตกแต่งภายในบ้านที่มีพื้นที่ไม่มาก วันนี้ฟิวเจอร์เทคฯ จึงได้รวบรวบเอาข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับประตูบานเลื่อนมาให้เป็นไอเดียในการเลือกใช้ เช่น รูปแบบต่างๆ ของประตูบานเลื่อน รางประตูบานเลื่อนมีกี่แบบ แต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกันยังไง และประเภทของประตูมีแบบไหนบ้าง เชิญติดตามอ่านกันค่ะ

ประตูบานเลื่อนมีให้เลือกหลายรูปแบบทั้งตัวราง บานประตู ขึ้นอยู่กับรูปแบบบ้าน และขนาดพื้นที่ ซึ่งแต่ละแบบก็มีจุดเด่น และจุดด้อยแตกต่างกันออกไป เราจึงต้องทำความเข้าใจเพื่อจะได้เลือกใช้ให้เหมาะสมมากที่สุด เรามาเริ่มกันก่อนว่ารูปแบบของประตูบานเลื่อนมีแบบไหนบ้างกันค่ะ

.

รูปแบบของประตูบานเลื่อน

ประตูแบบบานเฟี้ยม

ประตูบานเฟี้ยม (Folding Door) มีลักษณะเป็นบานแคบๆ หน้ากว้างประมาณ 50-60 ซม. นำมาต่อกันให้ติดกันเป็นแผง โดยยึดติดบานประตูแต่ละบานด้วยบานพับ และด้านบนของประตูจะยึดติดด้วยอุปกรณ์ชุดแขวนประตูบานเฟี้ยม ลักษณะเวลาเปิดปิดประตูบานเฟี้ยมสามารถพับทบสลับกันไปเก็บที่ด้านใดด้านหนึ่ง หรือทั้งสองด้าน ทำให้เปิดประตูได้กว้าง และเปิดได้สุดกว่าประตูรูปแบบอื่นๆ จึงช่วยประหยัดพื้นที่ ไม่เสียพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน ใช้กั้นห้องต่างๆ ภายในบ้านเพื่อการใช้งานอย่างยืดหยุ่น

.

ประตูบานเลื่อนแบบสลับ

ประตูบานเลื่อนแบบสลับ (Sliding Door) คือประตูที่เปิดได้ครั้งละด้านเดียว มีช่องประตูกว้างไม่เกิน 2-2.4 เมตร นิยมใช้เป็นประตูระเบียง หรือใช้กั้นห้องที่มีพื้นที่จำกัด หากต้องการให้เปิดรับอากาศจากภายนอก ก็สามารถติดมุ้งลวดแบบบานเลื่อนเพิ่มได้ตามความต้องการ

.

ประตูบานเลื่อนแบบสาม

ประตูบานเลื่อนแบบสาม (3-Panel Sliding Door) คือ ประตูที่มีบานประตูสามบานประกอบกัน เหมาะสำหรับพื้นที่ช่องประตูประมาณ 2-4 เมตร เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด สามารถใช้แบ่งโซนต่างๆ ภายในบ้าน หรือทำเป็นประตูเชื่อมไปอีกห้องได้

.

ประตูบานเลื่อนแบบสี่

ประตูบานเลื่อนแบบสี่ (Fixed-Slide-Slide-Fixed Door) คือ ประตูที่มีช่องประตูขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 4-5 เมตร ประกอบด้วยบานประตู 4 บาน โดยสองบานด้านข้างจะไม่สามารถเปิดได้ เปิดได้เพียงประตู 2 บานตรงกลาง นิยมใช้เป็นประตูระเบียงขนาดใหญ่ เพราะช่วยให้เห็นวิวภายนอก และรับอากาศดีๆ ได้เต็มที่

.

ประตูบานเลื่อนแบบหก

ประตูบานเลื่อนแบบหก (6-Panel Sliding Door) คือ ประตูบานเลื่อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ต้องติดในช่องประตูที่มีขนาด 4-6 เมตร ขึ้นไป เนื่องจากเป็นประตูขนาดใหญ่พิเศษจึงเหมาะสำหรับการตกแต่งที่หรูหรา นิยมติดตั้งภายในบริเวณรีสอร์ท หรือบ้านพักตากอากาศ เพราะเป็นประตูที่เปิดแล้วสามารถมองเห็นทิวทัศน์ภายนอกได้อย่างชัดเจน

.

รางประตูบานเลื่อนมีกี่แบบ แต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกันยังไง

  • ประตูบานเลื่อนชนิดรางล่าง

ประตูบานเลื่อนชนิดรางล่าง มีลักษณะเป็นรางติดตั้งอยู่ที่พื้น เพื่อให้ลูกล้อเป็นตัวรับน้ำหนัก และทำหน้าที่เป็นตัวสไลด์บานให้ประตูสามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้ นิยมใช้เป็นประตูภายในบ้าน กั้นห้องหรือพื้นที่ต่างๆ มีจุดเด่นที่ติดตั้งได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว อย่างไรก็ตามรางเลื่อนลักษณะนี้จะมีจุดอ่อนที่ฝุ่น ผง และความสกปรกเข้าไปติดได้ง่าย เนื่องจากมีรางที่มีร่องติดตั้งอยู่ที่พื้น

ข้อดี : ราคาไม่แพง ค่าวัสดุติดตั้งถูกกว่า ไม่มีปัญหารางตก เนื่องจากมีลูกล้อที่สามารถรับน้ำหนักได้ดี อีกทั้งยังซ่อมแซมได้ง่ายกว่า

ข้อเสีย : หากไม่เลือกแบบที่เรียบไปกับพื้น ก็มีโอกาสสะดุดหกล้มได้ และทำให้พื้นห้องดูไม่ต่อเนื่องกัน นอกจากนี้เมื่อใช้งานไปได้ระยะหนึ่งอาจมีปัญหาประตูบานเลื่อนฝืด

.

  • ประตูบานเลื่อนแบบแขวน

ประตูบานเลื่อนแบบแขวน หรือประตูบานเลื่อนรางบน มีลักษณะเป็นรางเลื่อนที่ติดตั้งไว้ด้านบนเหนือประตู ใช้สำหรับแขวนบานประตูทำให้สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้ มีจุดเด่นที่ความสวยงาม เพราะไม่ต้องติดรางเลื่อนที่พื้น ทำให้ทำความสะอาดง่ายอีกด้วย แต่มีจุดอ่อนที่ราคาสูง และมีโอกาสที่ประตูจะตกรางได้

ข้อดี : รางลื่นไม่ส่งเสียงรบกวน ทำความสะอาดพื้นห้องได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องคราบสกปรกเกาะติดในราง อีกทั้งยังช่วยให้พื้นห้องมีความต่อเนื่องกันไม่มีสะดุด

ข้อเสีย : ราคาแพง เมื่อใช้เป็นเวลานานอาจเกิดปัญหาประตูตกราง เนื่องจากรางต้องรับน้ำหนักจำนวนมากเป็นเวลานาน

.

ประเภทของประตูบานเลื่อน

ในส่วนของหน้าบานประตู หลักของการเลือกใช้ก็ขึ้นอยู่กับภาพรวมสไตล์การแต่งบ้านที่ต้องการ

  • ประตูกระจก

ประตูกระจกบานเลื่อนเป็นประเภทประตูที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีดีไซน์ที่เหมาะกับบ้านทุกสไตล์ อีกทั้งยังทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกบ้านได้อย่างชัดเจน หากใช้สำหรับกั้นพื้นที่ภายในก็ช่วยให้บ้านดูโล่ง โปร่ง ไม่คับแคบ ควรเลือกประตูที่ผลิตจากกระจกนิรภัย เพื่อความปลอดภัย ควรเลือกแบบที่ทนทานต่อสภาพอากาศต่างๆ โดยประตูกระจกบานเลื่อนส่วนใหญ่นิยมใช้วัสดุอลูมิเนียม เพราะแข็งแรง ทนต่อความชื้น แต่มีน้ำหนักเบา และราคาถูก นิยมใช้กับวงกบที่มีความหนาประมาณ 100-150 มม.

.

  • ประตูไม้

ประตูไม้ไม่ว่าจะผลิตจากไม้จริง หรือไม้อัดที่ปิดผิวด้วยเมลามีน ก็เป็นประตูที่ช่วยมอบความรู้สึกอบอุ่น และมีความเป็นธรรมชาติได้ดี เหมาะสำหรับติดตั้งเพื่อกั้นพื้นที่ความเป็นส่วนตัว หรือแบ่งสัดส่วนภายในบ้าน แต่เนื่องจากเป็นประตูที่มีน้ำหนักมาก ทำให้ต้องเลือกรางประตูที่รับน้ำหนักได้ดี หน้าตัดควรมีขนาด 36×56 มม. ขึ้นไป เพื่อป้องกันประตูตกราง หรือเกิดความเสียหายในภายหลัง

.

  • ประตูไวนิล

ประตูไวนิลเป็นบานประตูที่ผลิตจาก UPVC ซึ่งเป็นพลาสติกสังเคราะห์ที่มีความแข็งแรงทนทาน ทนต่อความชื้นได้ดี นิยมใช้เป็นประตูห้องน้ำ โดยโครงสร้างประตูบานเลื่อนประเภทนี้ควรมีหน้าตัดไม่ต่ำกว่า 35×35 มม. เพื่อให้แขวนบานประตูได้อย่างแข็งแรงมั่นคง ไม่ต้องกังวลเรื่องประตูโก่งหรือบิดตัวในภายหลัง

.

อุปกรณ์ติดตั้งประตูบานเลื่อน