หลายๆ ท่านอาจยังไม่ทราบว่าเวลาพูดถึงคำว่า “ฮวงจุ้ย” เรากำลังหมายถึงพลังชี่ของบ้าน “ฮวง” ภาษาจีนกลางอ่านว่า “เฟิง” ที่แปลว่า “ลม” “จุ้ย” ภาษาจีนกลางอ่านว่า “สุ่ย” แปลว่า “น้ำ” นักพรต หรือ นักปราชญ์จีนโบราณเค้ามองว่า การที่ผู้คนจะอยู่อาศัยในธรรมชาติก็จะต้องใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ
พลังชี่จะถูกถ่ายเท และเปลี่ยนแปลงได้ ต้องอาศัยการเคลื่อนของลม และการไหลของน้ำ ฮวงจุ้ยจึงเป็นศาสตร์การศึกษาผลกระทบของชีวิตเมื่อลมเคลื่อน และน้ำไหล พลังชี่ของธรรมชาติเป็นเช่นไรก็ย่อมมีผลต่อชีวิตมนุษย์เช่นกัน และนั่นคือเหตุผลที่เกิดความเชื่อว่า การปรับบ้านที่อยู่อาศัยให้เชื่อมเข้าสู่พลังธรรมชาติจะเป็นการช่วยให้ชีวิตยืนยาวและมีความสุขอย่างสมดุล
.
ยุค 9 คืออะไร ทำไมกระแสฮวงจุ้ยถึงพูดเรื่องนี้กันในช่วงเวลานี้
ปรมาจารย์โบราณเชื่อว่าอิทธิพลของดาวเหนือส่งผลโดยตรงกับชะตาชีวิตมนุษย์ ดังนั้นในศาสตร์ของฮวงจุ้ยบ้านจึงอ้างอิงมาจากการศึกษาผลกระทบของกลุ่มดาวเหนือ (กลุ่มดาวกระบวย) ซึ่งมีทั้งหมด 9 ดวง โดยจะสลับกันส่งผลทีละดวงจาก 9 ดวง ทำให้เกิดยุคในทาง ฮวงจุ้ยทั้ง 9 ยุค และแต่ละยุคจะมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามคุณลักษณะของดาวแต่ละดวง ซึ่งจะถูกนำมาคำนวณพลังชี่ของบ้าน โดยเน้นไปที่ยุคกาลต่างๆ ของฮวงจุ้ย และตอนนี้โลกเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุค 9 นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มีกระแสตื่นตัวพูดถึงเรื่องนี้กันมากในช่วงเวลานี้ เพราะบ้านใดจัดบ้านรับยุค 9 ล่วงหน้า ก็มีแนวโน้มที่จะคิดอะไรล้ำหน้าเกินคนอื่นไปหนึ่งสเตป
ยุคจะแบ่งเป็นสองแบบคือ แบ่งทุกๆ 20 ปี จึงจะเปลี่ยนยุคคราวนึง (ที่ผ่านมาเราอยู่ในยุค 8 ที่เริ่มนับตั้งแต่ปี 2547-2567) ฉะนั้นทุกๆ 20 ปี ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มันก็จะส่งอิทธิพลต่อทั้งโลกไม่ว่าจะเป็นด้านระบบการค้า เศรษฐกิจ การเมือง รวมถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไป บ้านที่เคยจัดฮวงจุ้ยดีเอาไว้ อาจจะไม่รุ่งเรืองเหมือนเดิม กลับกัน บ้านบางหลังที่ฮวงจุ้ยไม่ดีก็อาจกลับรุ่งเรืองมาในภายหลัง ทั้งนี้ มันส่งผลจากกลไกของคลื่นพลังงานบางอย่างที่เกิดการเปลี่ยนแปลงนั่นเอง ดังนั้นในฮวงจุ้ยยุค 9 ที่จะเริ่มต้นนี้ สำหรับผู้ที่เชื่อจึงต้องเตรียมรับกับการเปลี่ยนแปลง พร้อมกับหาแนวทางปรับฮวงจุ้ยบ้านให้พร้อมรับพลังในยุคที่เป็นพลังชี่ธรรมชาติแบบที่เป็นปัจจุบันกาล เพื่อจะได้ทำให้บ้านเป็นที่อยู่อาศัยที่อยู่แล้วเจริญก้าวหน้าไปตามยุค
ว่ากันว่าในยุค 9 แนวโน้มโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงในด้านเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน การเมืองและการปกครอง ซึ่งส่วนใหญ่จะมุ่งไปทางด้านวิทยาการก้าวไกลทันสมัยล้ำยุค เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมายแบบไม่เคยมีมาก่อน ผู้คนต้องการชีวิตที่มีความอิสระ และมีโลกส่วนตัวสูง ประชาชนทั่วไปจะฉลาดขึ้น กลุ่มคนชั้นสูงจะปรับตัวได้ดี คนโลภคนโกงจะมีมากขึ้น ส่วนคนล้าหลังจะตกเป็นเหยื่อถูกทำลาย และโดนครอบงำ ผู้คนจะมีความเพ้อฝันจินตนาการแปลกล้ำ และทุกๆ ความเพ้อฝันนั้นจะกลายเป็นจริงได้ หมายความว่า ตอนนี้คุณยังมองไม่เห็นอะไรชัดเจน แต่พออยู่ในยุค 9 คุณก็สามารถมองออก คิดได้ เข้าใจดีอย่างจริงแท้แน่นอน
.
ธาตุ ทิศ สี ของมงคล และสิ่งที่ต้องระวังในฮวงจุ้ยยุค 9
สัญลักษณ์ของยุค คือ ไทรแกรมเลข 9 ซึ่งหมายถึง ธาตุไฟ แสงสว่าง ความรวดเร็ว ความล้ำยุค เหตุการณ์ที่ปีติยินดีมีความสุข ความสดใส ความสวยงาม ความอบอุ่น ความหลงใหล และทักษะในการแสดงออกอย่างชัดเจน รวมถึงความเบ่งบานเจิดจ้าแบบไร้ขอบเขตพุ่งทะลุขึ้นสูงสู่ห้วงอวกาศจักรวาล และดิ่งลึกลงใต้มหาสมุทรสู่ศูนย์กลางโลก
ทิศประจำยุค
ทิศที่ส่งเสริมพลังความเจริญรุ่งเรืองความมั่นคง และโชคลาภที่สุดของยุค 9 คือ ทิศใต้ ซึ่งเป็นทิศประจำยุค และพลังงานยุค 9 มีลักษณะรูปร่างทรงแหลม
สีประจำยุค
คือ สีแดง และสีม่วง
ตัวเลข 9 ประจำยุค
เลข 9 เป็นเลขประจำยุค เพราะเราเข้าสู่ยุคที่ 9 เลข 9 จึงมีพลังอำนาจมากที่สุดในยุคของตนเอง ในขณะเดียวกันเลข 9 ยังหมายถึงพลังทั้งด้านบวก และด้านลบที่มากกว่า เร็วกว่าเป็นทบทวีคูณ
ของมงคลสำหรับยุค
ของมงคลเราสามารถพิจารณาจากสี จำนวน และธาตุเข้ามาเป็นองค์ประกอบ ซึ่งยุค 9 คืออะไรก็ตามที่มีสีแดงหรือสีม่วง รวมถึงสิ่งของที่เป็นจำนวนเลข 9 และมีความเกี่ยวข้องกับธาตุไฟ เช่น แสงสว่าง แสงอาทิตย์ และฤดูร้อน
สิ่งที่ต้องระวัง
ปัญหายุค 9 ที่เป็นธาตุไฟ ควรต้องระวังเกี่ยวกับไฟ และความร้อนทุกประเภท อาจมีความแห้งแล้งแบบสุดขั้ว ภูเขาไฟระเบิด อาวุธ ภาพรวมคนส่วนใหญ่จะใจร้อนมากขึ้น ขาดความอดทนอดกลั้น อาจนำไปสู่เรื่องทะเลาะวิวาทกันได้ง่ายขึ้น ผู้คนหนุ่มสาวมีปัญหาในการดำเนินชีวิตมากเป็นพิเศษ และโรคภัยไข้เจ็บเกี่ยวกับหัวใจ และตาจะรุนแรง เช่น ความสามารถในการมองเห็น ต้อกระจก จอประสาทตาหลุด เป็นต้น
.
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หวังว่าคุณผู้อ่านจะพอได้ไอเดียในการเตรียมรับมือกับฮวงจุ้ยยุค 9 ที่กำลังจะเข้ามากันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในระบบความเชื่อของฮวงจุ้ยหลายๆ ซินแสก็ได้บอกไว้ว่า ต่อให้ฮวงจุ้ยบ้านจะดีแค่ไหนหากผู้อยู่อาศัยไม่ได้ทำให้ตัวเองเป็นปัจจัยสำคัญของความเจริญรุ่งเรือง หลายเทคนิควิธีการก็อาจจะไม่ได้ผล ดังนั้นแล้วการรับเอาความเชื่อไปปรับประยุกต์ใช้ จึงเป็นเพียงหนึ่งในตัวช่วยดึงดูดพลังงานที่จะเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดสิ่งดีๆ ขึ้น ที่เหลือก็จะเป็นเรื่องของผู้อยู่อาศัยที่จะต้องสร้างเหตุปัจจัยด้วยตัวเองด้วยนะคะ ขอให้มีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ