ฮวงจุ้ยซื้อบ้าน หลักการเลือกพื้นฐาน และกฎเหล็กของการเลือกที่อยู่อาศัย

หลักฮวงจุ้ยในเรื่องการเลือกซื้อบ้านนั้นส่วนใหญ่จะเน้นในเรื่องของสุขภาพ และโชคลาภของเจ้าของบ้านเป็นสำคัญ และการให้ได้มา 2 สิ่งดีนั้น เราจะพิจารณาองค์ประกอบของสภาพแวดล้อมภายนอก และค่อยลงละเอียดถึงสภาพแวดล้อมภายในบ้านรองลงมา

หากพูดถึงการเลือกซื้อบ้าน หลักใหญ่ใจความคงต้องยกให้ทำเลที่ตั้งเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกๆ โดยเฉพาะการตัดสินใจซื้อบ้านเดี่ยว หรือกรณีที่ต้องการปลูกสร้างบ้านขึ้นมาเอง ต้องเลือกดูสถานที่ตั้งให้ดี ดังนั้นบทความนี้จึงได้สรุปสิ่งพื้นฐานที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกซื้อบ้าน มาให้อ่านกันค่ะ

.

หลักการพื้นฐานในการเลือกซื้อบ้าน

  • เลือกทำเลที่ดี

ทำเลที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาทุกสิ่งทุกอย่าง บ้านไม่ควรจะสร้างอยู่สันเขา หรือทางเข้าหุบเขา บนหน้าผา ทางระบายน้ำ ตรงข้ามสะพาน ถนน รวมทั้งทางสามแพร่ง เพราะบริเวณดังกล่าวนี้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ควรหลีกเลี่ยง อุบัติเหตุที่ว่านั้นก็เป็นได้ทั้งอุบัติเหตุทางธรรมชาติ และอุบัติเหตุจากการกระทำของมนุษย์ ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยแล้วหากบ้านเรามีทำเลแบบนี้จะส่งไม่ดีต่อสุขภาพของเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัย

.

  • เลือกทิศทางที่ดี

ในฮวงจุ้ยทิศทางเป็นตัวกำหนดสิ่งต่างๆ ในบ้าน ทิศทางนั้นนอกจากจะส่งผลในเรื่องของความเชื่อความเป็นมงคลแล้ว ยังส่งผลในเรื่องของอากาศหมุนเวียนภายในบ้าน ที่มีส่งผลโดยตรงต่อคนภายในบ้าน บ้านที่ยึดหลักฮวงจุ้ยมักจะหันนิยมหันหน้าบ้านไปทาง 2 ทิศ คือ ทิศใต้ หรือทิศเหนือ ทั้งนี้การจะเลือกทิศไหน อาจจะต้องดูเรื่องของดวงชะตาเจ้าของบ้านเป็นองค์ประกอบเพิ่มเติม แต่ที่แน่ๆ ในด้านองค์ประกอบภาพรวม ก็ไว้วางใจได้ว่า บ้านที่หันไปทาง 2 ทิศนี้จะมีสภาพแวดล้อมพื้นฐานที่ดีในเรื่องของแสง และลมอย่างแน่นอน

• บ้านหันหน้าทิศใต้ จะเสริมโชคลาภเงินทอง

หากยังไม่รู้ว่าบ้านหันทิศไหนดี การหันหน้าไปทิศใต้ ตามหลักฮวงจุ้ยเชื่อว่าเป็นทิศที่หันไปรับทรัพย์ รับเงินทอง มีโชคเรื่องความมั่งคั่งที่เด่นกว่าทิศอื่นๆ ในเรื่องของทิศทางลม จะมีลมพัดผ่านเข้าออกเย็นสบายตลอดปีคล้ายทิศเหนือ แต่จะแตกต่างในส่วนของแสงแดดที่จะโดนแดดเต็มๆ ในช่วงเที่ยงเป็นต้นไปจนถึงบ่ายแก่ๆ บ้านหันหน้าทิศใต้จึงน่าจะถูกใจคนชอบแดด ชอบปลูกต้นไม้ ชอบตากผ้า เรียกว่าสมดุลทั้งลมและแดดอย่างครบถ้วน บ้านที่มีฮวงจุ้ยโดดเด่นทิศทางแสงดี จะได้รับพลังชี่ ทำให้ครอบครัวมีความกลมเกลียว

• บ้านหันหน้าทิศเหนือ จะเสริมอำนาจบารมี

ฮวงจุ้ยเชื่อว่าหากบ้านหันหน้าทิศเหนือ จะส่งเสริมเรื่องอำนาจหน้าที่ ให้คนในบ้านมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีขึ้น เหนือกว่าคนอื่น ในทุกๆด้าน แต่ในส่วนของสภาพอากาศภายในบ้านที่หันหน้าทิศเหนือจะไม่เหมาะกับบ้านที่ชอบแดดเท่าไหร่นัก เพราะเป็นบ้านที่จะโดนแดดน้อย แต่จะเป็นบ้านที่มีสายลมเย็นพัดเข้าบ้านมอบความสบายตลอดทั้งปี หากใครชอบลมโกรกเข้าบ้าน เลือกบ้านหันหน้าทิศเหนือน่าจะถูกใจ แต่ควรระวังเรื่องความชื้นสะสมที่อาจเกิดขึ้นได้

.

  • เลือกสภาพแวดล้อมภายนอกที่ดี

ตามหลักฮวงจุ้ยบอกว่า สภาพแวดล้อมภายนอกที่ดีจะทำให้เรารับพลังที่ดีเข้ามา เช่น ถ้าหลังบ้านเป็นพื้นที่โล่งกว้างอาจจะไม่ค่อยดีควรให้หันหลังพิงบางสิ่งบางอย่างไว้ แต่ขณะเดียวกันด้านหน้าบ้านควรจะโล่งโปร่งเปิดกว้าง นั่นคือสภาพแวดล้อมที่ดีตามหลักฮวงจุ้ย นอกจากนั้น ยังมีคำแนะนำว่าบริเวณใกล้เคียงไม่ควรมีโรงพยาบาล วัด สุสาน และไม่ควรมีเสาไฟ สายไฟขวางอยู่บริเวณประตูทางเข้าบ้าน เพราะจะส่งผลต่อสุขภาพ และความร่ำรวย

.

  • เลือกสภาพแวดล้อมภายในที่ดี

สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับภายในบ้านก็คือประตูหน้าบ้าน ไม่ว่าจะเป็นบ้านสร้าง หรือบ้านซื้อก็ตาม โดยหลักพื้นฐานประตูจะต้องไม่เปิดออกไปเจอถนน จะต้องไม่เปิดเข้ามาเจอครัว หรือห้องน้ำ สิ่งเหล่านี้ฮวงจุ้ยเชื่อว่าจะทำให้เสียเงินเสียทอง นอกจากนี้ทั้งหน้าต่าง และประตูไม่ควรอยู่ตรงกับทางเดินหลักเข้าบ้าน เพราะจะส่งผลต่อความสบายในการอยู่อาศัยของครอบครัว และยังมีความเชื่อว่าหากมีหน้าต่าง หรือประตูตรงทางเดินนี้จะทำให้เงินทองรั่วไหล ทั้งนี้ในกรณีเราซื้อบ้านสำเร็จที่สร้างแล้วก็อาจจะทำการปรับฮวงจุ้ยเพื่อแก้เคล็ดสภาพแวดล้อมภายในให้ดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำฉากกั้น การใช้ม่าน หรือผ้าม่าน การใช้เครื่องรางกระจกสะท้อน ฯลฯ

.

  • รูปร่างโดยรวมของบ้านต้องดี

บ้านควรมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยม ซึ่งเป็นทรงที่สมดุลมั่นคง บ้านรูปทรงแปลก ๆ อย่างบ้านสามเหลี่ยม อาจจะมีผลต่ออารมณ์ความเครียดของผู้อยู่อาศัย ความกลมกลืนในทุกสิ่ง และภาพรวมของเฟอร์นิเจอร์ และสิ่งของตกแต่งชิ้นใหญ่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หลัก ฮวงจุ้ยให้ความสำคัญมากๆ

.

อย่างไรก็ตามแม้ว่าเราจะเลือกบ้านโดยใช้หลักการเลือกพื้นฐานแล้ว ยังมีกฏเหล็กฮวงจุ้ยในการซื้อบ้านที่แนะนำให้คำนึงถึงเพิ่มเติม เพราะกฏเหล็กนี้นอกจากจะส่งผลต่อเรื่องของดวงชะตาแล้ว ยังส่งผลต่อภาพรวมของความสุขสงบ ปลอดภัยในการอยู่อาศัยด้วย

.

กฏข้อที่ 1. ไม่เลือกบ้านที่อยู่ต่ำน้ำท่วมถึง

อย่าลืมสำรวจก่อนซื้อ หรือก่อนสร้างบ้านว่าทำเลนั้นๆ ทั้งบริเวณถนนใหญ่ ปากทางเข้าซอย ถนนภายในซอย มาจนถึงถนนหน้าโครงการ หรือหน้าบ้านว่า เมื่อเจอฝนตกหนักจะมีน้ำท่วม หรือน้ำขังจำนวนมากหรือไม่ กรณีที่เราต้องการทำเลนั้นมากๆ ก็ให้ประเมินดูว่า ระดับการท่วมขังนั้นมากน้อยเพียงใด อยู่ในระดับที่รับได้หรือไม่ ระยะเวลาในการขังนานแค่ไหน ระบายน้ำเร็วหรือไม่ เป็นอุปสรรคในการเดินทางหรือไม่ สรุปกฏข้อนี้คือ ให้คำนึงถึงผลกระทบของคุณภาพการใช้ชีวิตขั้นพื้นฐานที่ต้องไม่ติดขัดจากปัญหาอุทกภัยทางน้ำ

.

กฏข้อที่ 2. ไม่เลือกบ้านที่อยู่ในพื้นที่ ชายธง

รูปของที่ดินที่จัดว่าวางตัวบ้านยากที่สุด ก็คือที่ดินรูปสามเหลี่ยม หรือที่ดินชายธง เพราะทุกด้านของที่ดินจะเฉียง การออกแบบจัดวางผังของตัวบ้านจึงทำได้ค่อนข้างยาก ยกเว้นว่าเป็นที่ดินที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ที่อาจจะเลือกวางตำแหน่งบ้านไม่ค่อยมีปัญหามากนัก แต่อย่างไรก็ตามหากเลี่ยงได้ก็ให้เลี่ยง เพราะตามหลักฮวงจุ้ยแต่โบราณได้บอกไว้ว่า ลักษณะที่ดินรูปทรงสามเหลี่ยมมีมุมแหลมคล้ายธง เป็นลักษณะของธาตุไฟ ลักษณะของ ธง ก็จะมีการเคลื่อนไหวโบกสะบัดตลอดเวลา ซึ่งถือว่าการมีบ้านอยู่ในพื้นที่ลักษณะนี้ ยากที่จะทำให้ส่งผลดีต่อผู้อยู่อาศัย แต่อย่างไรก็ตาม หากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ได้มีคำแนะนำในการแก้ไขฮวงจุ้ยโดยในตำแหน่งที่ดินปลายแหลม ให้ปลูกต้นไม้ใหญ่ วางกระถางต้นไม้ใบใหญ่ ตั้งโต๊ะม้าหิน ตกแต่งเป็นสวนหิน ตั้งศาลพระภูมิเจ้าที่ หรือกั้นรั้วไว้ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับความกว้างของที่ดินด้วยแต่หลักสำคัญคือ ให้เน้นวางของหนักๆ ในตำแหน่งนั้นเพื่อหยุดการเคลื่อนไหว ตามความเชื่อคือไม่ให้ชายธงโบกสะบัด ข้อห้ามคือ อย่าขุดบ่อน้ำ ตั้งอ่างบัว อ่างน้ำพุ หรือก๊อกน้ำในตำแหน่งที่เป็นชายธง เพราะน้ำเป็นสิ่งเคลื่อนไหว และตำแหน่งมุมแหลมของที่ดินเป็นธาตุไฟ หากนำน้ำไปตั้งยิ่งทำให้น้ำกับไฟปะทะกัน และเกิดแรงกระตุ้นให้มีพลังงานด้านลบมากยิ่งขึ้น

.

กฏข้อที่ 3. หน้าประตูบ้านไม่ควรมีสิ่งกีดขวางโดยเฉพาะเสาไฟที่มีหม้อแปลงไฟฟ้า

ลักษณะฮวงจุ้ยที่ไม่ดีคือ มีเสาไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเสาไฟฟ้าที่มีหม้อแปลงไฟฟ้าอยู่หน้าบ้าน ไม่ว่าจะอยู่ตรงหน้ารั้ว หรือหน้าประตูทางเข้าบ้าน ก็ล้วนไม่ดีทั้งสิ้น เสาไฟฟ้ามีพลังงาน มีการสะท้อนรังสีแม่เหล็กไฟฟ้า และการมีรังสีเหล่านี้อยู่รอบๆ บ้านของคุณนั้นถือว่าไม่ปลอดภัย ซึ่งรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าเหล่านี้เป็นพลังลบ เมื่อเข้ามาในบ้านของคุณอาจส่งผลต่อด้านอารมณ์ของผู้อยู่อาศัยในบ้าน และส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว เสาไฟฟ้า ถ้าเป็นแค่เสาไฟฟ้าเฉยๆ ที่ไม่ได้มีหม้อแปลงไฟก็จะเป็นเหมือนตัวเบี่ยงกระแสพลังงานคล้ายๆ กับก้อนหินที่ตั้งอยู่ในทางน้ำไหล ที่เมื่อเวลาน้ำไหลมากระทบ กระแสน้ำก็จะเบี่ยงทิศทาง แต่ถ้าหากก้อนหินนั้นตั้งอยู่กลางแม่น้ำ เมื่อน้ำไหลผ่านไปก็จะไหลมารวมกัน และจะรวมตัวกันไหลไปในทิศทางเดิม ดังนั้นเสาไฟฟ้าที่ไม่มีหม้อแปลงจึงเปรียบเหมือนก้อนหินที่จะเป็นเพียงแค่ตัวชะลอกระแสน้ำเท่านั้น ในหลักฮวงจุ้ยจะวัดระยะเสาไฟฟ้าที่ขวางอยู่ที่ด้านหน้าประตูบ้านที่หากเกิน 4 เมตร เป็นระยะห่างที่มีอากาศไหลผ่านเสาไฟฟ้า ก็จะรวมตัวไหลเข้าสู่ประตูบ้านในทิศทางเดิมที่จะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับบ้านหลังนั้นมากนัก แต่ถ้ากรณีเสาไฟฟ้าอยู่ใกล้กว่านั้น และมีหม้อแปลงไฟฟ้าด้วย บ้านหลังนั้นจะเข้ากฏเหล็กที่ไม่ควรเลือกเป็นที่อยู่อาศัยในทันที

.

กฏข้อที่ 4. ไม่เลือกบ้านที่ถนนออกหน้าตัวบ้านเป็นทางแคบเล็กเรียวลง

ฮวงจุ้ยบ้านที่ดีคือมีถนนเข้าออกได้หลายทาง กฎข้อนี้สามารถใช้ได้ทั้งการเลือกซื้อบ้าน อาคารทุกประเภท หรือเลือกซื้อที่ดินเพราะทำเลที่ตั้งบ้านฮวงจุ้ยที่ดี จำเป็นต้องมีถนนทางเข้าที่กว้าง ขับขี่ได้อย่างสะดวก และหากเป็นถนนที่สามารถเชื่อมต่อไปยังสายอื่นๆ ได้อีกหลายเส้น จะยิ่งส่งเสริมโชคลาภให้กับผู้อยู่อาศัย ช่วยเพิ่มโอกาสโดยเฉพาะในกรณีใช้บ้าน หรืออาคารนั้นในการทำธุรกิจ กฏเหล็กที่ไม่ให้เลือกบ้านที่ถนนออกหน้าตัวบ้านเป็นทางแคบเล็กเรียวลงข้อนี้จึงไม่ได้มีอะไรซับซ้อนแต่สำคัญมาก เพราะกระแสหมุนเวียนหลัก คือกระแสที่เป็นรูปธรรม ที่จะเป็นตัวสะท้อนถึงกระแสการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยโดยรวมให้มีความสามารถในการเปิดรับพลัง หรือขาดพร่องพลังงานที่ดีนั่นเอง

.

กฏข้อที่ 5. เลือกบ้านที่มีระยะร่นหน้าบ้าน

โดยปกติระยะร่นหน้าบ้านตาม พรบ.ควบคุมอาคารจะกำหนดไว้ตามประเภทอาคาร ซึ่งแต่ละประเภทจะมีระยะร่นแตกต่างกัน โดยเฉลี่ยมีระยะร่นประมาณ 2 เมตร แต่หากมองตามหลักฮวงจุ้ยบ้านที่ดี การมีระยะร่นเพียง 2 เมตรนั้นยังไม่เพียงพอต่อการรับกระแสพลังงาน เพื่อมาช่วยกระตุ้นให้กับตัวบ้าน ตามหลักฮวงจุ้ยได้กล่าวไว้ว่า บ้านที่ดีต้องมี “เหม่งตึ๊ง” คำว่า เหม่งตึ๊ง แปลง่ายๆ ก็คือ ลานกักเก็บพลังงาน อาจเป็นสนามหญ้าหน้าบ้าน หรือลานกลางแจ้งก็ได้ ทั้งนี้กรณีเลือกประเภทบ้านเป็นบ้านชั้นเดียว ฮวงจุ้ยแนะนำว่าควรเว้นระยะร่นไว้ประมาณ 3-4 เมตรขึ้นไป หากเป็นบ้าน 2 ชั้น ควรเว้นระยะประมาณ 4 เมตรขึ้นไป สำคัญคือลานนี้ไม่ควรถมดิน หรือเทพื้นในลักษณะลาดเทออกนอกบ้าน จะดีถ้าทำเป็นพื้นเรียบเสมอ กรณีพื้นลาดเอียงจะให้เว้นเฉพาะการทำเป็นทางขึ้นรถเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มิเช่นนั้นจะทำให้กระแสไหลออกนอกบ้านได้ กฏสำคัญอีกข้อของการมีลานหน้าบ้านที่จะส่งผลดีคือ ต้องสะอาด โปร่งโล่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายบ้านมักจะละเลย เช่น การตากผ้าหน้าบ้าน การวางรองเท้ารกขวางประตู หรือวางของใช้เกะกะ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลกับฮวงจุ้ยทั้งสิ้น ดังนั้นหากมีระยะลานหน้าบ้านที่ถูกต้องแล้ว ต้องใส่ใจกับเรื่องของความสะอาด และการจัดเก็บให้เป็นระเบียบด้วยนะคะ

.