“5 วิธีการเลือกซื้อรางลิ้นชัก”

รางลิ้นชัก เป็นอุปกรณ์ฟิตติ้งที่ช่วยให้เฟอร์นิเจอร์ของคุณมีฟังก์ชั่นในการใช้งานได้คุ้มค่ามากขึ้น โดยทำหน้าที่รองรับน้ำหนักของตัวกล่องลิ้นชัก และสิ่งของที่เราจะบรรจุลงไปปัจจุบันมีรางลิ้นชักหลายแบบ และแต่ละแบบก็มีวิธีติดตั้งต่างกันบทความนี้ จะนำเสนอแนวทางการเลือกซื้อรางลิ้นชักแบบต่างๆ ค่ะ

วิธีการเลือกซื้อรางลิ้นชัก

1.เลือกรางลิ้นชักจากวิธีการเปิดลิ้นชัก

  • แบบทั่วไปที่มีมือจับ(แบบดึง)

นิยมใช้เพราะสามารถเลือกมือจับแบบต่างๆ ให้เข้ากับสไตล์ของเฟอร์นิเจอร์ได้

  • แบบกดกระเด้ง Push Open

โชว์หน้าบานเรียบ ตอบโจทย์ผู้ชื่นชอบแนวมินิมอล 

  • ระบบกดเปิดลิ้นชักแบบอัตโนมัติ

นิยมใช้สำหรับงาน High-end

2.รางลิ้นชักระบบกลไกของรางลิ้นชัก

  • แบบมีระบบ Soft close

ช่วยให้เปิด-ปิดลิ้นชักได้อย่างนุ่มนวล ลดปัญหาการกระแทก  เป็นการยืดอายุการใช้งานเฟอร์นิเจอร์

  • แบบไม่มีระบบ Soft close

ส่วนใหญ่รางลิ้นชักแบบตอนเดียว (Single extention) จะไม่มีระบบ Soft Close ที่ช่วยในการลดแรงกระแทกจากการปิดลิ้นชัก  เหมาะกับลิ้นชักที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมาก 

3.เลือกรางลิ้นชักจากลักษณะการติดตั้ง

  • แบบซ่อนใต้กล่อง / รางลิ้นชักรับใต้ได้รับความนิยมในหมู่งานบิ้วอินมากที่สุด  ตัวรางรับด้านใต้ซ่อนราง ทำให้ดูสวยงาม  ดูโมเดิร์นสามารถรับน้ำหนักได้ดี

  • แบบติดด้านข้างกล่อง / ราวลิ้นชักแผงข้าง

พบเห็นกันได้ทั่วไปตามเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เป็นรางลักษณะติดด้านข้าง 2 ตอน  สามารถเลื่อนรางลิ้นชักออกมาได้จนสุด

  • แบบตอนเดียว

มีข้อดีคือ ราคาถูกตัว แต่รางลิ้นชักเลื่อนออกมาได้น้อย รับน้ำหนักได้ไม่มาก

  • รางลูกปืนแบบสองตอน / สามตอน

มีข้อดีกว่าตอนเดียวตรงที่ ความยาวรางเท่ากัน ใส่ของได้เท่ากัน แต่เมื่อดึงออกมา จะมองเห็นสิ่งของภายในได้มากกว่า

 

 

4.เลือกรางลิ้นชักจากความยาวของลิ้นชัก

  • ความยาวของลิ้นชัก วัดจากความลึกภายในของโครงสร้างจากด้านหน้าถึงด้านหลัง
  • เลือกขนาดรางลิ้นชักให้ตื้นกว่าความยาวของโครงตู้ประมาณ 1ไซส์ (เผื่อพื้นที่ยึดด้านหลัง)
  • กรณีติดตั้งหน้าบานแบบในขอบ ให้บวกความหนาของหน้าบานเพิ่มด้วย



5.เลือกการรับน้ำหนักของรางลิ้นชัก

ดูว่าเราจะใส่อะไรเข้าไปในลิ้นชักบ้าง และเลือกใช้รางลิ้นชักที่สามารถรับน้ำหนักได้สมดุลกัน