เก่าแต่ใหม่ Industrial Style & Industrial Loft Style

โลกของเรามีความก้าวหน้า สถาปัตยกรรมก็ถูกพัฒนาให้ดูหรูหรา สวยงามทันสมัย แต่ท่ามกลางความทันสมัย และความวุ่นวายในยุคโซเชียลปัจจุบัน ผู้คนก็เริ่มมีความเบื่อหน่ายความเป็นโมเดิร์นแบบเดิม ๆ แต่กลับถวิลหากลิ่นอายในความเป็นอดีตมากขึ้นเพื่อจะได้มีเวลาให้กับตัวเองในการเสพสุนทรียภาพ และบรรยากาศแห่งความผ่อนคลายจากความวุ่นวายในสังคมยุคใหม่ดั่งที่เรามักจะเห็นผู้คนมากมายไปนั่งชิลในร้านกาแฟ หรือร้านอาหารที่มีการตกแต่งชิค ๆ ทั้งแนวลอฟท์ และ อินดัสเทรียล หรือเรียกอีกอย่างว่า อินดัสเทรียลลอฟท์ (Industrial Loft) ซึ่งพาให้เราหวนกลับไปยังบรรยากาศในอดีตด้วยอารมณ์ที่แปลกใหม่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ รูปแบบการโชว์โครงสร้างอาคาร และงานระบบ เลือกใช้วัสดุจำพวกเหล็กโลหะ วางปิดด้วยแผ่นไม้เก่า มีผนังก่ออิฐโชว์ลาย และดวงไฟสีส้ม คือภาพจำของสไตล์นี้ที่หลายคนเคยคุ้น ความสวยงามที่ไม่ต้องเยอะ ดูเรียบง่าย แต่ได้อารมณ์นี้ มีมนต์เสน่ห์บางอย่างที่ทำหลายคนสนใจ และอยากจะลองนำไปใช้ออกแบบในบ้านพักอาศัยของตัวเอง บทความนี้ฟิวเจอร์เทคฯ จะพาทุกคนไปรู้จักกับมันให้มากขึ้น เพื่อต่อยอดแรงบันดาลใจให้กับใครหลาย ๆ คนนะคะ

การตกแต่งแบบอินดัสเทรียล และลอฟท์คืออะไร มันมีจุดแตกต่างกันอย่างไร

เรามาเริ่มทำความรู้จักกับสถาปัตยกรรมสไตล์ อินดัสเทรียล (Industrial Style) กันค่ะ ที่มาที่ไปของมันได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุคอุตสาหกรรมราว ๆ ปี 1970 ที่เมื่อโลกของการผลิตถูกเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมด้วยการนำเอาวัสดุใหม่ ๆ อย่างโลหะมาใช้ในการผลิตข้าวของเครื่องใช้รูปแบบของโรงงานอุตสาหกรรม และอาคารบ้านเรือน โดยมันถูกแสดงออกผ่านการออกแบบตกแต่งที่มีลักษณะของความดิบ, วัสดุที่ไม่ได้ถูกปิดผิว, ลักษณะความด้านของโลหะ และการโชว์พื้นผิว รวมถึงรูปแบบสีของตัววัสดุนั้น ๆ ประกอบกับการจัดพื้นที่แบบ Open Space คือมีช่องแสงขนาดใหญ่เพื่อรับแสงธรรมชาติ และปล่อยให้วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างเป็นตัวกำหนดโทนสี รวมถึงอารมณ์ของสไตล์ ภาพรวมจึงทำให้สไตล์อินดัสเทรียลนี้ค่อนข้างมีความดิบเป็นเอกลักษณ์ เพราะวัสดุเด่นของการออกแบบตกแต่งสไตล์นี้คือเหล็กนั่นเอง

.

ในส่วนของสถาปัตยกรรมสไตล์ลอฟท์นั้น (Loft Style) จุดกำเนิดของสไตล์ลอฟต์เกิดขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ทั้งโลกเกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้มีโรงงาน โกดังร้างเป็นจำนวนมาก จึงเป็นผลพลอยได้ให้คนไร้ที่อยู่ เข้าไปใช้พื้นที่ในโกดังเหล่านั้นเป็นที่พัก นั่นจึงเป็นที่มาที่ไปของแรงบันดาลใจการออกแบบที่กลายมาเป็นสไตล์ลอฟต์นั่นเอง ดังนั้นแล้วเอกลักษณ์ภาพรวมของดีไซน์สไตล์นี้จึงหนีไม่พ้นภาพของความเป็นโกดัง เหล็ก ท่อ หรือวัสดุที่เปลือยดิบ และ โดยเฉพาะในมุมมองของความเป็นตัวตนของสไตล์ลอฟท์ก็ได้ถูกขับอารมณ์ และถ่ายทอดลักษณ์เด่นออกมา ผ่านวัสดุซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของสไตล์นี้อย่างเช่น ปูนเปลือย ปูนขัดมัน อิฐ ไม้ โครงสร้างเหล็ก ซึ่งเป็นวัสดุทีาสะท้อนบรรยากาศที่มีความดิบเท่ ประกอบกับลักษณะพื้นที่ของสไตล์นี้ที่จะเป็นแบบเปืดกว้าง (Open Space) มีเพดานสูง รวมถึงมีพื้นที่โล่งเรียบง่ายที่เน้นการใช้งานเป็นหลัก และยังมีการโชว์งานระบบท่อ สายไฟต่างๆ ภายในอาคาร สิ่งวัสดุเหล่านี้นั้นเป็นอะไรที่สื่อชัดถึงความเป็นสไตล์ลอฟต์ได้มาก ๆ ผลพลอยได้จากการเลือกใช้พื้นที่โกดังหรือโรงงานเก่าคือการได้พื้นที่เปิดกว้างและเพดานระดับสูง ด้วยการตกแต่งเดิมที่เรียบง่ายและได้พื้นที่ space (พื้นที่ว่าง) ที่กว้างขวาง ทำให้เป็นที่ถูกตาต้องใจของคนทั่วไปในสมัยนั้น ที่กำลังเริ่มเข้าสู่การก่อตัวของความเจริญในเมือง นำพาความหนาแน่นของที่พักอาศัยตามมาด้วยกัน โดยเฉพาะยิ่งในหมู่ศิลปิน คนทำงานศิลปะที่ต้องการหาพื้นที่ทำงานเป็นสตูดิโอศิลปะ ต้องการเพดานสูงที่รับแสงธรรมชาติเพื่อป้องกันความผิดเพี้ยนในการเลือกใช้สีลงตัวงาน และพื้นที่กว้างขวางที่ไม่จำเป็นต้องตกแต่งสวยงาม เพราะต้องการเพื่อที่สร้างสรรค์และเก็บงานจำนวนมาก พร้อมทั้งรับมือกับความเลอะเทอะจากการทำงานไปได้ด้วยพร้อม ๆ กัน จึงเกิดเป็นเทรนความนิยมในคนหมู่มากมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้คนทั่วไปเปลี่ยนมุมมองจากภาพโรงงานโกดังเก่า ๆ ดูแข็งกร้าวและแห้งแล้ง กลายเป็นสถานที่พักแบบเท่ ๆ ของศิลปิน คนมีรสนิยม ทำให้คนอื่น ๆ ได้มองเห็นความสวยงามที่ซ่อนอยู่ใน Industrial Style  กันมากขึ้น จากสิ่งที่เป็นเหมือนจุดด้อยให้กลับกลายเป็นจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ไปแทนได้

.

สรุป Industrial style และ Loft คือรูปแบบเดียวกันหรือไม่

ในความจริงแล้วแต่เดิม Loft นั้นมี 2 ความหมาย ความหมายแรก หมายถึงห้องชั้นบน หรือห้องใต้หลังคาภายในบ้าน ส่วนในอีกความหมายหนึ่งคือ Loft Apartment คือห้องพักที่มีเพดานเปิดโล่งสูง 2 ชั้น หน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ โครงสร้างเหล็กบีม ปูนเปลือย หรือขัดมัน ที่ในอดีตเกิดจากการดัดแปลงมากจากโกดังสินค้าเก่า โรงงานอุตสาหกรรมที่ถูกทิ้งร้าง บวกเข้ากับการตกแต่งเพิ่มเติมโดยจะปรุงแต่งอีกเพียงเล็กน้อย เน้นความโปร่งโลง เรียบง่าย ทำให้ห้องดูกว้างขวาง ยังคงเน้นการโชว์โครงสร้างวัสดุของเดิม มีลักษณะการจัดพื้นที่แบบ open plan คือการไม่นิยมใช้ผนังกั้นห้อง ปล่อยให้พื้นที่ทั้งหลายเชื่อมถึงกัน กั้นเฉพาะส่วนที่จำเป็นอย่างห้องน้ำ ห้องส่วนตัว เพราะมีพื้นที่น้อยอยู่แล้ว  การกั้นห้องจำนวนมากจะทำให้พื้นที่ดูแคบลง สีสันการตกแต่งอาจเป็นโทนสีผนังขาว เทา สะอาดตา หรือโทนเทา ดำ น้ำตาล แสดงความดิบ และความเท่เอาไว้ จากวัสดุ เหล็ก ไม้ ปูน และลอฟ์ทในความหมายที่ 2 นี้ก็ได้กลายเป็นคำเรียกเดียว อินดัสเตรียลสไตล์ (Industrial style) ที่เรารู้จักกันนั่นเอง

จุดเด่น ข้อดีที่ทำให้สไตล์นี้เป็นที่นิยม

  1. มีดีไซน์แปลกตา

ดีไซน์ที่เรียบง่าย แบบสวยดิบ หยาบแต่ดูดี เป็นเสน่ห์ที่ทำให้คนหลงรักการแต่งห้องในสไตล์อินดัสเทรียล ซึ่งลักษณะเด่นอยู่ที่วัสดุที่ให้อารมณ์ และความรู้สึกเป็นธรรมชาติ อย่างผนังปูนเปลือยหรือผนังอิฐบล็อกดิบ ๆ ไร้สีสันแต่งแต้มก็เท่ไปอีกแบบ

  • มีพื้นที่สว่าง และอากาศถ่ายเท

ผู้อยู่อาศัยสามารถได้รับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ด้วยความที่สไตล์อินดัสเทรียลนี้ มีดีไซน์พื้นที่กว้าง และยาว มีหลังคา เพดานที่สูง ทำให้สามารถเปิดรับแสงจากธรรมชาติ และลมได้อย่างเต็มที่ จึงส่งผลให้บ้านดูสว่าง มีอากาศถ่ายเทสะดวก ภาพรวมจึงมีบรรยากาศที่ปลอดโปร่ง โล่งสบาย

  • ใช้พื้นที่ได้อย่างยืดหยุ่น

การปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามสะดวก เป็นเอกลักษณ์หนึ่งของการออกแบบตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียล เพราะสไตล์นี้จะเน้นการใช้เฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว จึงสามารถปรับเปลี่ยนเคลื่อนย้ายพื้นที่ได้ง่าย และสะดวก

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ความชอบ ความหลงใหลเฉพาะบุคคลในเรื่องของเสน่ห์ความงามของ Industrial Style คือความสวยงามอย่างจริงใจของวัสดุโครงสร้างต่าง ๆ ที่หยิบเอากลิ่นไอความเป็นวินเทจย้อนยุค ของเก่า ความดิบแบบดั้งเดิมที่ถูกพาย้อนมาเวลามาสู่ยุคปัจจุบัน แต่งเติมความร่วมสมัยลงไปให้สามารถใช้งานได้จริง และสะดวกสบายมากขึ้น ความสวยงามของพื้นปูนขัดมัน ผนังก่ออิฐโชว์แนวลายแนวก่อ ผิวคอนกรีตเปลือยที่แตกร้าวออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ท่อน้ำเหล็ก ไม้เก่าตามอายุขัยที่ยิ่งเก่าก็กลับยิ่งมีลวดลายที่น่าหลงใหล รวมถึงสีของสนิมของเหล็กสังกะสีที่กำลังปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย ยิ่งกลายเป็นเสน่ห์ที่สวยงามโดยไม่จำเป็นปรุงแต่งอะไรให้มาก ไม่จำเป็นต้องเนี๊ยบเรียบ หรือต้องเป็นระเบียบตลอดเวลา และนี่อาจจะกลายเป็นเหตุผลสำคัญที่สไตล์นี้ ตอบโจทย์โดนใจใครหลาย ๆ คนที่อยากจะสัมผัสกัน

Leave a Reply