เมื่อพูดถึงบ้านและการออกแบบตกแต่ง บางคนไม่รู้จริงๆ ว่าต้องการอะไร สิ่งที่คนส่วนใหญ่รู้คือเขาต้องการรู้สึกอย่างไรในบ้าน…
หากคุณชื่นชอบความหรูหรามีระดับ สไตล์ การตกแต่งที่หรูหราอาจเหมาะกับบ้านของคุณ ภายในบ้านที่หรูหรา บริเวณพื้นตรงโถงทางเข้ามีกรอบหินอ่อนสีดำ และขาวที่โดดเด่นสะดุดตา พร้อมคริสตัลที่เรียงซ้อนห้อยลงมาจากโคมระย้าระยิบระยับ สอดรับความอลังการด้วยเฟอร์นิเจอร์บุกำมะหยี่ และประดับด้วยขนเทียม รูปลักษณ์นี้ชวนให้นึกถึงความเย้ายวนใจของฮอลลีวูด สมัยก่อนที่นิยมตกแต่งสไตล์ Hollywood Glam คือมีความหรูหราที่เพิ่มลูกเล่นความสนุกสนานตามวิถีชีวิตชาวอุตสาหกรรมบันเทิงที่เต็มไปด้วยงานเลี้ยง ลายเส้น และสีสันในห้อง ทำให้ห้องดูมีมิติสูง สร้างความอลังการและ ‘Dramatic’ แบบฉบับดาราดังของ Hollywood ซึ่งภาพรวมของออกแบบภายในที่หรูหรามีระดับ และรูปลักษณ์ที่ดูหรูหราทันสมัยนั้นมักเกิดขึ้นจากการผสมผสานของสีสามสี คือ โลหะ (ทองหรือเงิน) สีที่เป็นกลาง (ดำหรือขาว) และสีเน้น (ชมพู เทา ฯลฯ)
.
เรามาทำความรู้จักการออกเเบบที่เป็นพื้นฐานของ Glam Style กันค่ะ
สไตล์นี้เค้าจะใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีเส้นสายประติมากรรมเบาะ โดยใช้กลุ่มสีหลักที่มีสีขาว เทา ครีม ดำ พาสเทล และโทนสีอัญมณี ทั้งนี้จะเพิ่มการเน้นรายละเอียดของเฟอร์นิเจอร์โดยสอดแทรกวัสดุที่สะท้อนแสงเช่นอุปกรณ์ (Material) ประเภทโลหะ กระจก คริสตัล แลคเกอร์ และขนสัตว์ลงไป ทั้งนี้ในส่วนที่เป็นเนื้อผ้าจะนิยมใช้แบบที่มีพื้นผิวหลากหลาย เช่น ผ้าลินิน ผ้ากำมะหยี่ และผ้าไหม และนิยมจัดวางผ้าแบบทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ แบบหรูหรา พร้อมลวดลายเรขาคณิตแบบดั้งเดิมที่มีเท็กซ์เจอร์มากๆ ที่ขาดไม่ได้คือลักษณะของการจัดแสงที่ทำให้บรรยากาศดูตื่นตาน่าทึ่ง เพิ่มความอลังการในรูปแบบของแชนเดอเลียร์ (Chandelier) ประดับคริสตัล โคมไฟตั้งโต๊ะ และเชิงเทียน
.
เรื่องของรายละเอียดในแต่ละส่วนของการตกแต่ง Glam ก็มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น
เรื่องการใช้สี
- เฉดสีพื้นฐาน หากสังเกตุดูจะพบว่าส่วนใหญ่ลักษณะของการตกแต่งที่ดูน่ามองที่ผ่านกาลเวลาไปนานแค่ไหนก็ไม่เอ๊าท์ เราจะพบว่าเฉดสีพื้นฐานของพื้นที่นั้นๆ มักจะใช้เป็นสีกลางที่เหนือกาลเวลาอย่างสีกลางที่อ่อนโยนในเฉดสีขาว เทา ครีม และสีแทน การตกแต่งสไตล์ Glam จึงมีรายละเอียดในการสร้างฉากหลังของกำแพง เพดาน รวมถึงผนัง พรม และผ้าม่าน ที่เรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ในเฉดสีกลาง
- เฉดสีเน้น สีที่เน้นบนเฟอร์นิเจอร์ และของประดับตกแต่งสามารถดึงดูดสายตาได้สองทิศทาง คือเน้นให้หนัก หรือเน้นให้นุ่มนวลและหรูหราขึ้น ในแง่มุมที่โดดเด่นของสไตล์ Glam ส่วนใหญ่จะมาจากการจับคู่สีกลางที่เบากว่ากับสีเข้มที่เข้มข้น และเฉียบคม เช่น สีดำ สีกรมท่า และโทนสีอัญมณี ด้านคุชชั่น (Cushion) หรือเบาะ นวม เบาะพิงของ Glam จะนิยมใช้สร้างสีกลางของกลุ่มพาสเทลอ่อน
.
การเลือกใช้วัสดุ
สีกลางอาจเป็นฐานของความเย้ายวนใจ แต่ความแวววาวเป็นหัวใจของสไตล์นี้ จนสามารถเรียกได้ว่า All That Glitters เฟอร์นิเจอร์ที่ดูหรูหรามักมีโครงโลหะ พื้นผิวโลหะ หรือหุ้มขอบโลหะอยู่ในองค์ประกอบเสมอ เฟอร์นิเจอร์ประเภทโคมไฟ ตู้โชว์ กระจกติดผนัง พื้น รวมถึงของประดับตกแต่งต่างๆ จะเน้นความเงางามแบบเมทัลลิคซึ่งใช้ได้ทั้งสีเงินและสีทอง ความแวววาวของส่วนที่เป็นโลหะ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสามารถในการหักเหของแสง Lucite และแลคเกอร์ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่จะต้องมีปรากฏอยู่บนโต๊ะกาแฟ และของตกแต่งชิ้นเล็กๆ เพราะการเพิ่มพื้นผิวที่เป็นกระจก และการสะท้อนแสงมีส่วนเสริมที่ทำให้ห้องดูใหญ่ และดูโอ่อ่ายิ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยให้การตกแต่งดูหรูหรามากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เน้นย้ำว่าองค์ประกอบที่เป็นโลหะเหล่านี้จะทำงานได้ดีต่อเมื่อมีการใช้พื้นฐานของสีพื้น และผนังที่เป็นสีกลาง
.
การจัดแสง
บรรยากาศแห่งความเย้ายวนใจของ Glam ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เพราะยังมีองค์ประกอบของแสงที่ต้องถูกจัดวางอย่างมีกลยุทธ์ เพื่อทำให้พื้นผิวโลหะสะท้อนแสงเหล่านี้เปล่งประกายเจิดจรัสแม้ในเวลากลางคืน โคมไฟระย้าโลหะ หรือคริสตัลสะท้อนแสงที่หรูหราจะทำหน้าที่สร้างความบรรยากาศที่โดดเด่นชัดเจนให้กับห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร และแม้แต่ห้องนอนใหญ่ ในส่วนของเชิงเทียนก็จะเป็นของตกแต่งที่เรียกร้องความสนใจได้ดี ไม่แม้กระทั่งกรอบเตียง หรือเตาผิงที่ต้องมีความอลังการเย้ายวนใจ พร้อมกับโคมไฟตั้งโต๊ะที่มีฐานเป็นมันเงาก็เป็นลูกเล่นที่ช่วยเพิ่มความพิเศษเล็กน้อยแต่สร้างความแตกต่างได้อย่างไม่น่าเชื่อ
.
รูปแบบ และพื้นผิว
ยิ่งมากยิ่งดี คือความชัดเจนที่เข้าใจได้ง่ายๆ ดังนั้นในส่วนของลวดลาย และพื้นผิวจึงมีบทบาทอย่างมากในการยกระดับการตกแต่งห้องที่น่ามอง Glam จึงมีหลักการคือ รูปแบบ และพื้นผิวควรมีขนาดใหญ่ที่ยิ่งมากยิ่งดี ร่องรอยของฮอลลีวูดสไตล์ และอาร์ตเดโคยุคเก่า Art Deco (Art Deco คือการการออกแบบที่ใช้เส้นโค้ง และเส้นตรงเรียบง่ายแต่แข็งแรง แต่มีเส้นสายพวยพุ่งเปี่ยมไปด้วยพลังความเคลื่อนไหวแสดงความก้าวหน้า เปรียบเหมือนผู้ชายที่มีความหรูหรา และสง่างาม) ปรากฏอยู่ทั่วลวดลาย และพื้นผิวที่ดูหรูหรา รูปแบบของ Glam จะมีรูปทรงเรขาคณิตเป็นศูนย์กลาง หรือนำเรขาคณิตมาทับซ้อนกัน เช่นรูปแบบลายดามาส (Damask) หรือ Damask Pattern ซึ่งเป็นลวดลายที่มีลักษณะส่วนใหญ่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมข้าวหลาม (Marquise Shape) มาดีไซน์ให้เรียงตัวกันอย่างสม่ำเสมอสร้างความโดดเด่น หรูหรา มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนกลายเป็นลวดลายดามาสรูปทรงงดงาม) หรือคุณอาจจะเคยเห็นลายดอกจิก หรือ Quatrefoil ซึ่งเป็นลวดลายกราฟิกของดอกไม้ซึ่งมีเพียง 4 กลีบ โดยอาจเกิดจากการวาดวงรีสองวงทับกันกลายเป็นรูปดอกไม้ 4 กลีบ แบบสมมาตรพอดี การนำลวดลายเรขาคณิตเหล่านี้มาเล่นเป็นรายละเอียดของเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ จะดูโดดเด่นมีความคมชัด และคอนทราสต์สูงมากขึ้นเมื่อมันอยู่กับพื้นผิวที่มีความคอนทราสต์ตัดกันสูง
.
ของประดับพื้นฐาน
ดอกไม้สีอ่อน เราสามารถเพิ่มความเย้ายวนใจด้วยการเอาแจกันธรรมดาๆ ที่เต็มไปด้วยดอกโบตั๋นที่บานสุกเต็มต้น ดอกกุหลาบ หรือดอกไม้อื่นๆ มาวางไว้ในหลายมุมของห้องโดยให้มันทำหน้าที่เป็นของประดับตกแต่งพื้นฐาน และหากต้องการเพิ่มความเย้ายวนใจแบบ อาร์ตเดคโค (Art Deco) ให้ลองหารูปปั้น แบบรูปปั้นครึ่งตัวสีขาวสะอาดตา หรือชิ้นงานหล่อที่เป็นโลหะที่สะท้อนเล่นกับแสงมาประดับไว้ที่โต๊ะข้าง รับรองได้ว่าบรรยากาศจะถูกโอบล้อมไปด้วยความเจิดจรัสอย่างสุดใจ แต่สิ่งที่เน้นย้ำคือ อย่าพยายามใช้ของตกแต่งเหล่านี้มากชิ้นเกินไป มิฉะนั้นมันหลุดสไตล์ออกไปไกลเกินความหรูหราเพราะมากเกิน
.
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับบทความ Glam Style ที่ฟิวเจอร์เทคฯ นำมามอบให้ หวังว่าจะช่วยทำให้ได้เห็นภาพ และนำไปใช้เป็นแนวทางในการตกแต่งเพื่อสะท้อนความอลังการในตัวตนของเจ้าของ และสนองความหรูหราอย่างมีระดับให้กับคนที่มีใจให้กับสไตล์นี้กันนะคะ