เมื่อหน้าฝนมาเยือนอย่างเป็นทางการ ข้อดีคือช่วยดับความร้อนระอุของอุณหภูมิในบ้านเราให้คลายลงได้ แต่ในอีกมุมหนึ่งเราก็ต้องมีการวางแผนให้ดีในเรื่องของการป้องกันดูแลปัญหาเรื่องบ้านที่มากับหน้าฝน เพราะน้ำฝน และความชื้น เป็นสาเหตุใหญ่ที่สร้างความเสียหายทั้งภายใน และภายนอกบ้านได้มากกว่าที่คิด ดังนั้นแล้วบทความนี้ ฟิวเจอร์เทคฯ ได้รวบรวมสิ่งที่ต้องทำหลักๆ เพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะไม่ต้องเจอกับความเสียหายที่บานปลายมาให้คุณผู้อ่านได้ไปสำรวจตรวจสอบบ้านของตัวเองกันก่อนนะคะ . ตรวจสอบรอยรั่ว . ตรวจสอบพื้นบ้านว่ามีรอยรั่วหรือไม่ โดยเฉพาะบริเวณห้องน้ำและห้องครัว ซึ่งเป็นจุดที่มักเกิดปัญหาน้ำรั่วซึมได้บ่อย จุดสังเกตว่าบริเวณนั้นๆ อาจมีการรั่วซึมคือจะความชื้นโดยให้สังเกตจากกลิ่นอับ หรือคราบน้ำ หากพบจุดที่เป็นปัญหาให้รีบแก้ไขทันทีเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและความเสียหายน้ำที่อาจซึมเข้าไปในโครงสร้างของบ้าน กรณียังไม่เกิดปัญหาใดๆ ก็อย่าเพิ่งวางใจกันนะคะ สิ่งที่เราสามารถทำเพื่อกันไว้ก่อนคือ นอกจากจะหมั่นทำความสะอาดพื้นฐานแล้วให้เคลือบพื้นเป็นประจำเพื่อป้องกันความชื้น และน้ำซึมเข้าไปในพื้นบ้าน โดยเฉพาะบ้านที่เป็นพื้นไม้ และพื้นลามิเนตเพราะมันไวต่อความชื้นมากๆ ค่ะ . ทาสีบ้าน . การทาสีบ้านใหม่เป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยรับมือกับฝนได้ดีเพราะช่วยทำให้ความชื้นซึมเข้าสู่ตัวบ้านได้ง่ายๆ ยิ่งหากบ้านของเรามีสีที่เริ่มหลุด ลอกร่อน นอกจากจะทำให้บ้านดูเก่า และโทรม แล้ว มันยังเป็นการบ่งบอกว่าผนังปูนเริ่มเกิดความเสื่อมโทรม จึงถึงเวลาที่ควรจะทาสีบ้านใหม่ และหากเป็นไปได้ ควรเลือกใช้สีทาภายนอกคุณภาพดีที่มีคุณสมบัติในการป้องกันความชื้น กันเชื้อรา และทำความสะอาดได้ง่าย ก็จะเป็นการตอบโจทย์เรื่องการรับมือกับฤดูฝนในระยะยาวได้ด้วย . พื้นบ้าน . ตรวจสอบพื้นบ้าน หากมีรอยรั่วหรือชำรุดให้รีบซ่อมแซมเพื่อป้องกันน้ำขัง และความชื้น โดยเฉพาะบริเวณห้องน้ำ และห้องครัว ซึ่งเป็นจุดที่มักเกิดปัญหาน้ำรั่วซึมได้บ่อย เนื่องจากพื้นบ้านเป็นส่วนที่สัมผัสกับน้ำโดยตรง หากมีรอยรั่วหรือชำรุด น้ำอาจซึมเข้าไปภายในบ้านได้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น ความชื้น และเชื้อรา ความชื้นเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของเชื้อรา และเชื้อราเหล่านี้อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น ภูมิแพ้ และโรคระบบทางเดินหายใจกับผู้อยู่อาศัยได้ อีกทั้งน้ำที่ซึมเข้ามาในบ้านเป็นเวลานานอาจทำให้โครงสร้างบ้านเสียหายได้ เช่น ทำให้ไม้ผุ หรือเหล็กเป็นสนิม ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของโครงสร้างผู้อยู่อาศัยได้ ยังไม่รวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดกับข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ . ทำความสะอาดรางน้ำฝน . ไม่ว่าบ้านของเราจะใช้รางน้ำฝน แบบใด ปัญหาที่พบได้เหมือนๆ กันก็คือ มีใบไม้ กิ่งไม้แห้ง หรือเศษขยะเข้าไปกองสุมภายในรางอุดตันกีดขวางทางไหลของน้ำฝน เมื่อฝนตกก็ทำให้น้ำล้นราง และเอ่อล้นไหลย้อนรั่วซึมเข้าตัวบ้าน และบางกรณีอาจจะไหลเข้าไปในฝ้าเพดานจนอาจเกิดความเสียหายขึ้นได้ ดังนั้นเราจึงต้องหมั่นสังเกตให้ดีว่าท่อน้ำทิ้ง หรือรางน้ำฝนยังใช้งานได้ดีอยู่หรือเปล่า ถ้าไม่มีน้ำไหลลงมาเมื่อฝนตกก็แปลว่าตันแน่นอน เราก็ควรจะต้องกำจัดเสร็จอุดตันเหล่านั้นออกไป และแก้ไขด้วยการทำตะแกรงครอบ หรือปิดรางน้ำฝนไว้เพื่อป้องกันเศษใบไม้ไปอุดตันในรางแต่น้ำฝนยังไหลลงช่องระบายน้ำได้ . จัดการท่อระบายน้ำ และบ่อดักขยะ . เช่นเดียวกับรางน้ำฝน ท่อระบายน้ำ และบ่อดักขยะก็มักเป็นส่วนที่มีเศษใบไม้ กิ่งไม้ เศษขยะ หรือโคลนเข้าไปสะสมอุดตันเป็นต้นเหตุให้เกิดน้ำท่วมขังเช่นกัน เราควรที่จะตักเศษดินโคลนออกจากบ่อเพื่อเปิดทางเดินในการระบายน้ำ และที่สำคัญอีกส่วนของบ้านคือระเบียง หรือเฉลียง ซึ่งควรที่จะล้างและทำความสะอาดด้วยเพื่อป้องกันการอุดตันของท่อ . ตัด ทอน กิ่งไม้ใหญ่ใกล้บ้าน . บ้านหลายหลังจะมักมีต้นไม้ใหญ่ไว้ให้ความร่มรื่นภายในบริเวณบ้าน แต่สำหรับหน้าฝนนั้น เราต้องทำการตัดแต่งต้นไม้ใหญ่ เพราะต้นไม้ใหญ่อาจสร้างปัญหาที่เราไม่คาดคิด เช่นใบไม้ที่ร่วงหล่นมาอุดตันจุดระบายน้ำ รวมถึงกิ่งไม้ที่อาจจะยื่นเข้ามาภายในตัวบ้านหรือยื่นมาติดกับหลังคา ที่อาจจะทำให้เกิดปัญหาในยามฝนฟ้าลมแรงได้ค่ะ . เปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ . บางบ้านมีความคิดว่าหน้าฝนควรปิดหน้าต่างไว้เพราะกลัวฝนจะสาดเข้า แต่ในความเป็นจริงแล้วการเปิดหน้าต่างในฤดูฝน (ไม่ใช่ตอนฝนตก) มันเป็นการช่วยระบายความชื้นได้โดยหลักวิทยาศาสตร์ได้อธิบายว่า เมื่อเปิดหน้าต่าง อากาศชื้นภายในบ้านจะไหลออกไปด้านนอก และอากาศแห้งจากภายนอกจะไหลเข้ามาแทนที่ ทำให้ความชื้นในอากาศภายในบ้านลดลง เรียกว่าเป็นการแลกเปลี่ยนอากาศ ดังนั้น การเปิดหน้าต่างในฤดูฝนจึงช่วยระบายความชื้นได้ โดยเฉพาะในห้องที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ และห้องครัว จึงเป็นหนึ่งในวิธีการที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเชื้อรา และความเสียหายต่อบ้านได้ค่ะ ฤดูฝนเป็นช่วงเวลาที่เราต้องใส่ใจดูแลบ้านเป็นพิเศษ เพราะความชื้น และฝนที่ตกหนักอาจทำให้เกิดความเสียหายได้ หากเราเตรียมความพร้อม และดูแลบ้านอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยป้องกันความเสียหายเหล่านั้นได้ และหากพบความเสียหายใดๆ กับอุปกรณ์ หรือเฟอร์นิเจอร์ในบ้านก็อย่ารอช้าให้รีบซ่อมแซมโดยเร็วที่สุดเพื่อทุกอย่างจะได้ไม่บานปลาย เรียกว่ามาทำให้บ้านของเราปลอดภัย และน่าอยู่ในฤดูฝนกันนะคะ