อัปเดตเทรนด์ออกแบบตกแต่งบ้านปี 2568

blank

เทรนด์การตกแต่งบ้านในปี 2568 ที่จะมาแน่ๆคือ การผสมผสานความยั่งยืนเข้ากับเทคโนโลยีที่ทันสมัย กลายเป็นบ้านที่สวยงามน่าอยู่ ในขณะ เดียวกันก็เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ การออกแบบตกแต่งบ้านได้กลายเป็นส่วนสำคัญของไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ที่สะท้อนถึงความต้องการในการใช้ชีวิตอย่างมีสไตล์ แต่ยังคงคำนึงถึงเรื่องของความยั่งยืน และสุขภาพจิตด้วย เทรนด์การออกแบบในปีนี้ จึงเน้นการสร้างพื้นที่ ที่สวยงามและใช้งานได้จริง โดยผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับธรรมชาติ และใช้สีสันที่ช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลายเข้ามาเป็นองค์ประกอบหลัก เรามาอัปเดตเทรนด์ออกแบบตกแต่งบ้านปี 2568 ว่ามีอะไรที่น่าสนใจกันค่ะ

.

1. เน้นการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

  • วัสดุรีไซเคิล และวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่เช่น ไม้ แก้ว และโลหะรีไซเคิล
  • นำเฟอร์นิเจอร์ หรือวัสดุเก่ามาปรับปรุงให้กลับมาใช้ใหม่ (Upcycling)
  • วัสดุจากธรรมชาติที่ยั่งยืนและสลายตัวได้ง่ายเช่น ไม้ไผ่ ไม้โอ๊ค ไม้สน และหินธรรมชาติ จะถูกนำมาใช้มากขึ้น
  • การใช้วัสดุจากพืชเช่น กระดาษอัดแข็งจากพืช หรือเส้นใยธรรมชาติเช่น ป่าน ลินิน และผ้าฝ้ายออร์แกนิค
  • สี และสารเคลือบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การใช้สีและสารเคลือบที่ไม่มีสารพิษ (Non-toxic) และปราศจากสาร VOC (Volatile Organic Compounds) จะเป็นที่นิยมมากขึ้น รวมถึงสีธรรมชาติที่ทำจากแร่ธาตุ หรือพืชก็เป็นอีกทางเลือกที่จะได้รับความสนใจ
  • ใช้วัสดุที่ผลิตจากกระบวนการคาร์บอนต่ำ หรือใช้วัสดุที่ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์เช่น คอนกรีตที่ดูดซับคาร์บอน
  • การออกแบบโครงสร้างบ้านแบบโมดูลาร์ การออกแบบโครงสร้างบ้าน หรือออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถปรับเปลี่ยน หรือถอดประกอบได้ง่าย เพื่อยืดอายุการใช้งาน ลดขยะ เพื่อไปสู่แนวคิดเรื่องความยั่งยืน
  • การใช้นวัตกรรมวัสดุใหม่ๆที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเช่น ไม้อัดจากเชื้อรา (Mycelium) หรือวัสดุที่ทำจากสาหร่าย

.

2. เทคโนโลยี Smart Home

ผู้ผลิต และวิจัยเทคโนโลยี Smart Home ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถควบคุมระบบต่างๆภายในที่อยู่อาศัยเช่น ระบบแสงสว่างอัจฉริยะ ผ่านเซ็นเซอร์อินฟราเรด เซ็นเซอร์การจับสัญญาณความเคลื่อนไหว, ระบบควบคุมอุณหภูมิผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต IOT เพื่อการควบคุมคำสั่งเปิดปิดเครื่องปรับอากาศผ่านสมาร์ทโฟน, ระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ, ระบบเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ, ระบบควบคุมด้วยเสียง ฯลฯ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำให้เรามีชีวิตสะดวกสบายขึ้น

.

3. การออกแบบภายในแบบเปิดพื้นที่

การออกแบบเพื่อประหยัดพลังงาน และนำวัสดุที่ช่วยในการประหยัดพลังงานมาใช้เช่น ฉนวนกันความร้อนจากวัสดุธรรมชาติ หรือกระจกประหยัดพลังงาน รวมถึงการออกแบบบ้านให้มีระบบระบายอากาศที่ดี เปิดโล่ง และใช้แสงธรรมชาติให้มากขึ้น พร้อมเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน โดยการเพิ่มต้นไม้ในลักษณะสวนแนวตั้งเพื่อช่วยฟอกอากาศ และสร้างบรรยากาศที่สดชื่น ที่สำคัญอีกเรื่องของการออกแบบภายในที่เป็นเทรนด์ ในปี 2568 คือจะมีการใช้แนวทางการออกแบบตกแต่งแบบ Multifunctional Spaces คือทำให้รูปแบบของเฟอร์นิเจอร์สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย เช่น การใช้เฟอร์นิเจอร์แบบพับได้ เคลื่อนย้ายได้ง่าย หรือเฟอร์นิเจอร์จะมีดีไซน์คุณสมบัติการใช้งานแบบอเนกประสงค์ Multi-functional มาใช้เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานเป็นการประหยัดทรัพยากร และเป็นการประหยัดพื้นที่ได้ด้วย

.

4. เทรนด์สีในปี 2568 

สีที่ได้รับความนิยมคือโทนสีที่ให้ความรู้สึกสงบ และเชื่อมโยงกับธรรมชาติ เช่น สีเขียวอ่อน สีเบจ และสีเทาอ่อน ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังมีสีเอิร์ธโทนที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นมิตรเช่น สีน้ำตาลอ่อน สีเทอร์ควอยซ์ และสีมัสตาร์ด สีเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสไตล์การตกแต่งแบบมินิมอลลิสม์ (Minimalism) ที่ยังคงเป็นที่นิยม แต่ยังช่วยสร้างสมดุลระหว่างความทันสมัยและความเป็นธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น ห้องนั่งเล่นในปี 2568 มีผนังห้องที่อาจทาสีเขียวอ่อนเพื่อสร้างความรู้สึกสงบอาจใช้โซฟาที่ทำจากผ้าฝ้ายออร์แกนิกในโทนสีเบจอ่อน พร้อมกับโต๊ะไม้ รีไซเคิลที่สามารถปรับระดับให้เป็นโต๊ะรับแขก และโต๊ะทำงานในตัวเดียว ด้านมุมนึงของห้องประดับด้วยโคมไฟตั้งพื้นที่ควบคุมด้วยเสียง ตู้โชว์ในห้องติดตั้งอุปกรณ์ส่องสว่างด้วยเส้นไฟ LED ที่มีเทคโนโลยี Smart Home คือ ระบบเซ็นเซอร์อินฟราเรด เซ็นเซอร์ที่ตรวจจับสัญญาณความเคลื่อนไหว โดยแสงไฟจะส่องสว่างต่อเมื่อมีการโบกมือ และมีการเพิ่มสวนแนวตั้งขนาดเล็กที่ผนังด้านนึงของห้องนั่งเล่นเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน

.

คุณผู้อ่านน่าจะพอเห็นภาพกันมากขึ้นใช่ไหมคะว่าเทรนด์การออกแบบตกแต่งบ้าน และการออกแบบตกแต่งภายในในปี 2568 นั้นเป็นอย่างไร เราจะเห็นว่าเทรนด์ของโลกนั้นมีความชัดเจนว่าเป็นการผสมผสานระหว่างความทันสมัย ความยั่งยืน และการดูแลสุขภาวะทางอารมณ์ของผู้คน เพื่อไปสู่เป้าหมายคือ เราได้ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่อยู่อาศัยที่สวยงาม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคนี้ที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ และมีความสุข

Leave a Reply