อุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ หรืออุปกรณ์ฟิตติ้ง หมายถึง ส่วนประกอบฮาร์ดแวร์ที่ เป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ของงานเฟอร์นิเจอร์ ประเภทต่างๆ เช่น ตู้เสื้อผ้า ตู้ห้องครัว ตู้โชว์ ตู้เก็บของ เก้าอี้ โซฟา เตียงนอน ทั้งนี้ยังหมายรวมถึงเฟอร์นิเจอร์ที่สำนักงาน อุปกรณ์ห้องน้ำ ฯลฯ หน้าที่ของอุปกรณ์เหล่านี้ คือการทำให้เฟอร์นิเจอร์ออกมาเป็นงานที่สมบูรณ์แบบที่สุด ถูกฟังค์ชั่น ให้ความสะดวกในการใช้งาน ช่วยสร้างสรรค์ และซ่อมแซมเฟอร์นิเจอร์ . อุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ และ อุปกรณ์ฟิตติ้ง เป็นส่วนสำคัญของการผลิตและใช้งานเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งมีความหมายและหน้าที่ดังนี้: 1. อุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ หมายถึงชิ้นส่วนหรือวัสดุที่ใช้ในการประกอบหรือทำเฟอร์นิเจอร์ให้สมบูรณ์ เช่น ตัวอย่างอุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์: . 2. อุปกรณ์ฟิตติ้ง หมายถึงชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ที่ช่วยให้การใช้งานเฟอร์นิเจอร์สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมักเกี่ยวข้องกับกลไกการทำงาน เช่น ตัวอย่างอุปกรณ์ฟิตติ้ง: . ความแตกต่างหลัก ทั้งสองประเภทนี้ช่วยเสริมกันเพื่อทำให้เฟอร์นิเจอร์ดูดีและใช้งานได้ตามความต้องการ. . ตัวอย่างอุปกรณ์และประโยชน์การใช้งาน . อุปกรณ์บางชนิด อาจจำเป็นต้องอาศัยช่างในการติดตั้ง เนื่องจากต้องใช้เครื่องมือจำเพาะ และอาจต้องคำนวณขนาด หรือจำนวนชิ้นของอุปกรณ์ที่ต้องใช้ เช่น บานพับ รางเลื่อน […]
Category Archives: blogs
ชั้นวางสินค้ามีหลายประเภท เช่น ชั้นวางโชว์สินค้า ชั้นวางขายของชำ ชั้นวางสินค้ามินิมาร์ท ชั้นวางและเก็บสต๊อกสินค้า ฯลฯ การเลือกใช้อุปกรณ์สำหรับประกอบชั้นวางสินค้าจึงจำเป็นต้องขึ้นอยู่กับว่าประเภทของชั้นวางที่ต้องการจะทำคืออะไร เพราะบางประเภทของวัสดุที่เลือกใช้ทำชั้นวางนั้น นอกจากจะเป็นเรื่องของความสวยงามแล้ว มันยังส่งผลต่อความแข็งแรงปลอดภัยในการใช้งานด้วย เช่น ชั้นวางที่เป็นกระจกก็จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เฉพาะสำหรับหนีบกระจก มีปุ่มรับชั้นสำหรับกระจก ดังนั้นการเลือกใช้อุปกรณ์ให้ถูกประเภทจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะไม่อย่างนั้น มันอาจนำมาซึ่งอันตราย และความเสียหายของสิ่งของจากการประกอบชั้นวางด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ถูกต้องไม่ได้มาตรฐาน ในบทความนี้เราจะมาดูเรื่องของประเภทของอุปกรณ์ชั้นวางว่ามีแบบไหนอย่างไรบ้างกันค่ะ . อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบชั้นวางสินค้า อุปกรณ์ปุ่มรับชั้น อุปกรณ์ปุ่มรับชั้น ใช้สำหรับรับชั้นตู้ รับลิ้นชักในตู้ รองรับชั้นวางของ รับชั้นกระจก ฯลฯ เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าเป็นหมุดรองรับชั้นวางแต่ละชั้น โดยจะช่วยรับน้ำหนัก รองรับแรงกดของสิ่งของที่อยู่บนแผ่นรองชั้น ปุ่มรับชั้น มีทั้งประเภทที่ทำจากพลาสติก เหล็กชุบนิเกิ้ล เหล็กชุบโครเมี่ยม แบบเดือยทองเหลือง . อุปกรณ์เสารับชั้น อุปกรณ์เสารับชั้น มีทั้งแบบเสารับชั้นย้ำฉาก, เสารับชั้นคู่, เสารับชั้นแบบลอย, เสารับชั้นแบบฝังผนัง, เสารับชั้นมีปีก, เสาตีนเป็ดอลูมิเนียม, ตัดยึดสลิง, หัวสวมเสารับชั้น ฯลฯ อุปกรณ์เหล่านี้นิยมใช้เป็นส่วนหนึ่งในการทำโครงของชั้นวางขายของชำ ชั้นวางสินค้ามินิมาร์ท หรือชั้นวางและเก็บสต๊อกสินค้า ในการประกอบจะต้องใช้อุปกรณ์อื่นๆ ร่วม เช่น รางรับชั้น แขนรับชั้น ฯลฯ เพื่อจะได้ชั้นวางของที่สมบูรณ์ […]
ดีไซน์ที่ถูกผสมผสานกันอย่างลงตัวกับธรรมชาติ เฟอร์นิเจอร์รูปทรงเรขาคณิตที่เข้าถึงได้ง่าย เส้นสายที่มีความเรียบง่ายตรงไปตรงมา ใช้โทนสีหลักพวกพาสเทล (Pastel) หรือสีเอิร์ทโทน (Earth Tone) แต่ใส่ความสนุก และสร้างเอกลักษณ์ลงไปที่เฟอร์นิเจอร์ตัวโปรดสักชิ้นด้วยสีที่โดดเด่นได้ เป็นดีไซน์ที่ไม่ต้องคุมโทนตามแพตเทิร์น ถ้าคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ชื่นชอบความรู้สึกในอดีต ชอบความ Vintage แต่ไม่ชอบความฟุ้ง ความเกินในงานออกแบบสไตล์ Midcentury Modern ก็เป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่อยากแนะนำสำหรับการแต่งบ้านของคุณ วงการแฟชั่นไม่เคยมีอะไรล้มหายตายจากไปจริงๆ สิ่งเคยฮิตที่เชยลงในวันหนึ่งก็มักจะกลับมากลายเป็นกระแสหลัก และมันมักจะวนกลับมาหาเราอีกครั้งเสมอโดยอาจใช้เวลาห้าปี สิบปี หรือหลายสิบปี เช่นเดียวกับเทรนด์แต่งบ้านที่ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน สไตล์ “Mid-Century Modern” ที่เคยได้รับความนิยมมากในช่วงสงครามโลกได้กลับมาครองใจผู้คนอีกครั้งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แม้อาจจะถูกกลบด้วยกระแสของการออกแบบตกแต่งสไตล์ อื่นๆ เช่น Industial Loft , Minimalist , Scandinavian Style ฯลฯ แต่ยังไงมันก็ไม่เคยจมหายไปไหน และกลับมาฮิตถึงขีดสุดอีกครั้งในตอนนี้ โดยที่เราจะสังเกตเห็นว่าบรรดาร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร สตูดิโอ หรือแม้แต่ที่พักอาศัย ก็เริ่มมีเฟอร์นิเจอร์ และการตกแต่ง ที่บ่งบอกถึงความเป็น Mid-Century กลับมาเป็นกระแสกันมากอีกครั้ง ในบทความนี้ฟิวเจอร์เทคฯ จะชวนคุณมาทำความรู้จักกับการออกแบบตกแต่งบ้านสไตล์นี้กันค่ะ . Mid-Century Modern เกิดขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ได้รับอิทธิพลจากงานสไตล์ […]
ไม่ว่าใครๆก็อยากมีบ้านที่ใหญ่โต ดูโล่ง และกว้างขวาง แต่จะทำยังไงดี ในเมื่อเรามีพื้นที่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่บ้านที่จำกัด หรืออาจจะอยู่คอนโดมิเนียม บทความนี้ฟิวเจอร์เทคฯ ได้รวบรวมแนวทางแต่งบ้านแคบๆ ให้สวย เพิ่มพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ห้องดูกว้างขึ้น โปร่ง โล่ง ไม่อึดอัด จะมีเทคนิคอะไรบ้างนั้นไปดูกันค่ะ 1. เทคนิคการใช้สีทาห้อง หากห้องของคุณมีพื้นที่คับแคบ สีผนังและสีเพดานจะเป็นตัวช่วยปรับบรรยากาศของความรู้สึกได้มาก โดยปกติจะแนะนำให้ใช้สีโทนสว่าง หรือโทนอ่อน เพราะความสว่างจะให้ความรู้สึกกว้างกว่าเดิม และสีอ่อนก็เป็นการช่วยกระจายแสงสว่าง รวมถึงสะท้อนแสงธรรมชาติเข้ามาภายในห้อง ทั้งนี้การเลือกเฉดสีที่ถูกต้องยังทำให้เราเลือกเฟอร์นิเจอร์แต่งห้องได้ง่ายขึ้นอีกด้วย จึงถือได้ว่าเทคนิคห้องมีพื้นที่แคบ การเปลี่ยนสีห้องถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุด และใช้งบประมาณน้อยที่สุดในการปรับเปลี่ยนบรรยากาศได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ยังมีรายละเอียดด้านเทคนิคที่น่าสนใจในการใช้สีเพื่อที่จะทำให้ดูห้องกว้างขึ้น ลองอ่านแล้วไปประยุกต์ใช้กันดูนะคะ . สีในโทนสว่างสามารถสะท้อนแสงได้มากกว่าสีโทนเข้ม จึงเป็นโทนสีที่ทำให้ห้องดูกว้างขึ้น ห้องที่ทาด้วยสีโทนสว่างให้ความรู้สึกสะอาด โปร่ง โล่งสบายตา ทำให้เมื่ออยู่ในห้องแล้วไม่รู้สึกอึดอัด และทำให้รู้สึกเหมือนมีพื้นที่กว้างขึ้นนั่นเอง โดยวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือใช้โทนสีสว่างทาฝาผนัง และฝ้าเพดานเป็นเฉดเดียวกันก็จะช่วยหลอกตาให้ห้องดูกว้างขึ้นได้เป็นอย่างดี สำหรับบางคน การทาสีผนังด้วยสีเดียวกันทั้งหมดอาจดูน่าเบื่อเกินไป ดังนั้นการเลือกใช้โทนสีที่ใกล้เคียงกันก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มสีสันให้กับห้อง และทำให้ห้องดูกว้างขึ้นในเวลาเดียวกัน โดยทางทฤษฎีสีนั้นสามารถเลือกจับคู่สีได้สองแบบคือ Monochromatic เทคนิคการจับคู่สีที่เป็นที่นิยมในหมู่นักออกแบบ เป็นการเลือกสีหลักขึ้นมาหนึ่งสี และนำไปปรับให้เข้มหรืออ่อนลงเพื่อใช้เป็นคู่สี เช่น ใช้สีฟ้าเป็นสีหลัก และใช้สีฟ้าอ่อนและสีน้ำเงินเป็นสีรอง เฉดสีที่ไม่ต่างกันจนเกินไปนั้น นอกจากจะดูสบายตาและเข้ากันได้ดีแล้ว ยังช่วยเพิ่มมิติให้กับห้องได้เป็นอย่างดี […]
เมื่อพูดถึงการสร้างทางเข้าที่ยิ่งใหญ่ โอ่อ่า ประตูหมุนเป็นประตูที่ยืนหนึ่งในเรื่องนี้อย่างแท้จริง! มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมที่น่าประทับใจที่ทำให้ทางเข้าบ้าน ออฟฟิศสำนักงาน และพื้นที่เชิงพาณิชย์ ฯลฯ ด้วยลักษณะการออกแบบที่ทำให้เกิดความรู้สึกพิเศษอย่างเป็นเอกลักษณ์ และรวมถึงประโยชน์ใช้สอยแล้ว ต้องยอมรับเลยว่าไม่แปลกใจที่มันเป็นประตูร่วมสมัยที่ผู้คนยังคงนิยมเลือกใช้มายาวนาน ประตูบานหมุน Pivot Doors หรือที่นิยมเรียกอีกชื่อว่า “Center-hung Doors” เป็นประตูบานสวิงเดี่ยวขนาดใหญ่ประเภทหนึ่งที่หมุนที่กึ่งกลางของประตู แทนที่จะเป็นบานพับที่ติดตั้งด้านข้าง กลไกที่เป็นเอกลักษณ์นี้ช่วยให้ประตูหมุนได้อย่างราบ ประตูเหล่านี้มีชื่อเสียงในด้านความน่าดึงดูดใจด้านสุนทรียศาสตร์ เนื่องจากบานประตูเหล่านี้แสดงออกถึงความยิ่งใหญ่ และความซับซ้อน พวกมันทำหน้าที่เป็นจุดโฟกัส และดึงดูดความสนใจของใครก็ตามที่จ้องมองประตูในทันที และการที่มันออกแบบให้ไม่มีบานพับที่มองเห็นได้ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มรูปลักษณ์ที่เพรียวบาง และความทันสมัย ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมในหมู่สถาปนิกและนักออกแบบภายในที่ต้องการสร้างบรรยากาศร่วมสมัยขึ้นมา . ข้อดีของการใช้ประตูหมุน 360° 1. ให้คุณสมบัติประหยัดพื้นที่ภายในบ้านได้ ประตูหมุนใช้พื้นที่น้อยเนื่องจากไม่ต้องใช้บานสวิงแบบดั้งเดิม จึงเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก และพื้นที่ที่มีขนาดจำกัด 2. ช่วยให้การเข้าถึงที่ง่ายมากขึ้น ประตูเหล่านี้เปิดง่าย ทำให้ทุกคนเข้าถึงพื้นที่ได้ง่าย . 3. มีความสุนทรียภาพ และความทันสมัย ประตู Pivot ช่วยเพิ่มสัมผัสแห่งความซับซ้อน และสไตล์ร่วมสมัยให้กับทุกพื้นที่ มันสามารถใช้เป็นองค์ประกอบจุดเด่นสำคัญในการออกแบบตกแต่งภายในให้ดูโอ่อ่า ลึกลับ หรูหราได้ 4. ความคล่องตัวในการออกแบบ ด้วยวัสดุ พื้นผิว […]
“อุปกรณ์ชั้นเข้ามุมอเนกประสงค์ สำหรับตกแต่งตู้ครัวที่สะท้อนความหรูหราทันสมัยเอาใจสาย Luxury มีเสน่ห์ล้ำสมัยไม่เหมือนใครด้วยดีไซน์เป็นรูปทรงตัว S” สำหรับบ้านไหนที่มีเคาน์เตอร์ครัวเป็นรูปตัว L หรือตัว U เชื่อว่าจะต้องเจอกับปัญหาความยากลำบากในการเข้าถึงการใช้งานพื้นมุมตู้ใต้เคาน์เตอร์ หลายบ้านจึงใช้พื้นที่นี้เป็นที่เก็บของที่ไม่ค่อยได้ใช้ หรืออาจจะถึงขั้นเป็นพื้นที่เก็บจนลืม และนานวันก็มักเจอกับปัญหาอับชื้นที่ส่งผลกระทบมาจากเคาน์เตอร์ครัวที่ทำจากปูน และเมื่อพื้นที่ใต้เคาน์เตอร์ที่ไม่ได้มีการใช้งานนานๆ ไม่มีการเปิดหน้าบานเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้เพียงพอก็อาจจะถึงขั้นชื้นจนมีเชื้อรา และนั่นเป็นปัญหาที่จะส่งผลต่อสุขอนามัยในห้องครัวของเราได้นะคะ และในเมื่อเรามีครัวสวยๆ ทั้งทีก็ไม่ควรจะปล่อยให้ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้น ดังนั้นการหาอุปกรณ์ตัวช่วยมาอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงพื้นที่มุมเหล่านี้มาติดตั้งไว้จึงเป็นคำตอบที่ใช่ที่สุด ซึ่งเราสามารถใช้ชุดชั้นเข้ามุม มาเป็นหนึ่งในไอเทมที่ตอบโจทย์ได้ ในปัจจุบันมีชุดชั้นตะแกรงให้เลือกใช้หลากหลายแบบ โดยมากจะแตกต่างกันไปตามดีไซน์ สีสัน วัสดุ ขนาด และฟังก์ชั่นการใช้งาน ‘Magic Corner Basket’ ชุดชั้นเข้ามุมตัว S สี Rose gold ก็เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการติดตั้งไว้ที่มุมตู้ครัวบริเวณใต้เคาน์เตอร์ด้านล่าง ด้วยดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นตัว S ซึ่งแตกต่างกับชั้นวางทั่วไปที่มักมีดีไซน์เป็นทรงเหลี่ยม และในส่วนของการติดตั้งเราสามารถทำการติดตั้งได้ง่ายๆ ด้วยการยึดสกรูตัวชั้นอุปกรณ์ไว้ด้านในโครงตู้ โดยเลือกระยะสูงต่ำตามความต้องการ . Magic Corner Basket ผลิตจากเหล็กชุบโครเมี่ยมคุณภาพดี เคลือบสีพิงค์โกลด์ด้านที่ให้อารมณ์ความรู้สึกถึงความอ่อนหวาน หรูหรา เป็นองค์ประกอบที่ช่วยให้ครัวสไตล์โมเดิร์นลักชัวรี่เป็นครัวสวยที่สมบูรณ์แบบ พร้อมฟังก์ชั่นประโยชน์ใช้สอยที่ช่วยให้ง่ายต่อการเข้าถึงพื้นที่มุมตู้ให้สามารถใช้งานจัดเก็บ และค้นหาสิ่งของได้ง่ายๆ ในลักษณะดึงเพื่อให้ชั้นวางยื่นออก และผลักให้ชั้นวางเก็บกลับเข้าไปซ่อนไว้ในตู้ มาพร้อมกับยางกันลื่นเพื่อลดการกระทบกันของอุปกรณ์ครัว […]
ในช่วงฤดูฝนกับฤดูหนาว ด้วยสภาพอากาศที่ทำให้สภาพแวดล้อมเกิดความชื้น และอับ อาจจะทำให้หลายบ้านต้องเจอกับปัญหาเชื้อราซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยสำหรับเฟอร์นิเจอร์ และการที่เราต้องตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังก็เพราะเชื้อราไม่เพียงแต่ทำให้เฟอร์นิเจอร์ของคุณดูไม่สวยงามเท่านั้น แต่ยังอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้อีกด้วย บทความนี้ฟิวเจอร์เทคฯ ได้เอา ความรู้เกี่ยวกับอันตรายของเชื้อรา และคำแนะนำโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีแก้ปัญหาเฟอร์นิเจอร์มีเชื้อราขึ้น โดยครอบคลุมถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตจากวัสดุต่างๆ มาให้คุณผู้อ่านได้ทราบกันค่ะ. . ลักษณะของเชื้อราประเภทต่างๆ ก่อนที่จะเริ่มขั้นตอนการกำจัดเชื้อรา สิ่งสำคัญคือต้องระบุชนิดของเชื้อราที่คุณกำลังจัดการอยู่ เชื้อราที่พบบ่อยที่สุดที่พบในเฟอร์นิเจอร์ ได้แก่ 1. Aspergillusเป็นเชื้อราที่มีศักยภาพในการสร้างสารพิษที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ • ลักษณะ : เป็นเชื้อราที่มีลักษณะเป็นเส้นใยสีเขียว หรือดำ• วิธีสังเกต : มักพบในบริเวณที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรือตู้เสื้อผ้า . 2. Stachybotrys chartarumเป็นเชื้อราที่มีศักยภาพในการสร้างสารพิษที่อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ และระบบประสาท • ลักษณะ : เป็นเชื้อราที่มีลักษณะเป็นเมือกสีดำ หรือเขียวเข้ม• วิธีสังเกต: มักพบในบริเวณที่มีความชื้นสูง และมีการรั่วซึมของน้ำ เช่น ผนังห้องน้ำ หรือเพดาน . 3. Penicilliumเป็นเชื้อราที่มีศักยภาพในการสร้างสารพิษที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ และภูมิแพ้ • ลักษณะ : เป็นเชื้อราที่มีลักษณะเป็นเส้นใยสีเขียว หรือน้ำเงิน• วิธีสังเกต : มักพบในบริเวณที่มีความชื้นสูง เช่น อาหารที่เน่าเสีย หรือตู้เย็น . 4. Cladosporiumเป็นเชื้อราที่มีศักยภาพในการสร้างสารพิษที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ และภูมิแพ้ • ลักษณะ : เป็นเชื้อราที่มีลักษณะเป็นเส้นใยสีดำ หรือน้ำตาล• วิธีสังเกต : มักพบในบริเวณที่มีความชื้นสูง เช่น ดิน หรือใบไม้ที่เปียกชื้น . วิธีสังเกตเชื้อราทั่วไป นอกจากลักษณะเฉพาะของเชื้อราแต่ละประเภทแล้ว ยังมีวิธีสังเกตเชื้อราทั่วไปที่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าดังนี้ • เชื้อราสีดำ (มักเกิดในฤดูหนาว)มักเกิดขึ้นในบริเวณที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ และห้องครัว • เชื้อราสีเขียว (มักเกิดในฤดูหนาว)เชื้อราประเภทนี้สามารถเจริญเติบโตได้ในบริเวณที่มีความชื้นปานกลาง เช่น ใต้เฟอร์นิเจอร์ หรือในตู้เสื้อผ้า • เชื้อราสีขาว (มักเกิดในฤดูฝน)เชื้อราสีขาวมักเกิดขึ้นในบริเวณที่มีความชื้นต่ำ เช่น บนเฟอร์นิเจอร์ไม้ . การแก้ปัญหาเฟอร์นิเจอร์มีเชื้อราขึ้น 1. เฟอร์นิเจอร์ไม้ • ใช้สารละลายน้ำส้มสายชู : ผสมน้ำส้มสายชูขาว 1 ส่วนกับน้ำ 1 ส่วนในขวดสเปรย์ แล้วฉีดลงบนบริเวณที่มีเชื้อรา ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วเช็ดออกด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ […]
ราวแขวนแก้วไวน์เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับผู้ที่ชื่นชอบไวน์ มันทำหน้าที่ ช่วยจัดเก็บแก้วไวน์ได้อย่างเป็นระเบียบ และปลอดภัย แต่การเลือกราวแขวนแก้วไวน์ที่เหมาะกับความต้องการอาจเป็นเรื่องยาก ดังนั้นในบทความนี้จะนำ เคล็ดลับดีๆ มาช่วยให้คุณเลือกราวแขวนแก้วไวน์อย่างมืออาชีพ เรามาเริ่มต้นจากการทำความรู้จักกับประเภทของราวแขวนแก้วไวน์กันค่ะ . ราวแขวนแก้วไวน์มีหลากหลายประเภทแต่ละประเภทมีข้อดี และความเหมาะสมที่แตกต่างกันไป แต่ในเรื่องของการเลือกใช้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการ และสไตล์ส่วนบุคคล ประเภทที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ 1. ราวแขวนแก้วไวน์แบบติดใต้ตู้ ราวแขวนประเภทนี้เป็นที่นิยมมาก เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ใต้ตู้ หรือชั้นวางของ ช่วยให้คุณเก็บแก้วไวน์ไว้ในที่ที่สะดวก ต่อการหยิบใช้ สามารถโชว์คอลเลคชันแก้วไวน์ และประหยัดพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ข้อดี . 2. ราวแขวนแก้วไวน์แบบติดผนัง ราวแขวนประเภทนี้ติดตั้งบนผนัง ช่วยให้คุณจัดแสดงแก้วไวน์ได้อย่างโดดเด่น และเป็นระเบียบ ข้อดี . 3. ราวแขวนแก้วไวน์แบบตั้งโต๊ะ ราวแขวนประเภทนี้เป็นแบบตั้งอิสระและสามารถวางไว้ในตำแหน่งใดก็ได้ของห้อง ช่วยให้คุณสร้างพื้นที่จัดเก็บแก้วไวน์ที่กำหนดเองได้ ข้อดี . 4. ราวแขวนแก้วไวน์แบบแขวนเพดาน สร้างจุดสนใจให้กับมุมพื้นที่บาร์ได้ดีให้อารมณ์ความรู้สึกสวยงามอลังการ ประหนึ่งเหมือนเป็นโคมไฟระย้า (Chandelier) ที่สามารถสร้างความรู้สึกพิเศษได้มาก ข้อดี . 5. ราวแขวนแก้วไวน์แบบหมุน ราวแขวนประเภทนี้มีฐานหมุน ช่วยให้คุณเข้าถึงแก้วไวน์ได้ง่ายดายโดยไม่ต้องถอดออกจากราวแขวน ข้อดี . แนวทางการเลือกใช้ราวแขวนแก้วไวน์ 1. พิจารณาจากวัสดุ ราวแขวนแก้วไวน์มีให้เลือกหลากหลายวัสดุ ได้แก่ เหล็ก สแตนเลส ไม้ และอะคริลิก แต่ละวัสดุมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน . 2. เลือกจากขนาด และรูปร่าง ขนาดและรูปร่างของราวแขวนแก้วไวน์จะขึ้นอยู่กับจำนวนแก้วไวน์ที่คุณมี และพื้นที่ที่มีอยู่ ราวแขวนแก้วไวน์มีให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กที่จุได้เพียงไม่กี่แก้ว ไปจนถึงขนาดใหญ่ที่จุได้หลายโหลแก้ว รูปร่างของราวแขวนแก้วไวน์ก็แตกต่างกันไปเช่นกัน ดังนั้นแล้วนอกจากจะเลือกขนาด และรูปร่างที่ต้องการแล้ว ต้องไม่ลืมที่จะเลือกราวที่ง่ายต่อการแขวน และถอดแก้ว รวมถึงพิจารณาความสูงที่เหมาะสมสาหรับการใช้งานด้วยนะคะ . 3. ตรวจสอบความจุ พิจารณาจํานวนแก้วที่คุณต้องการแขวน ความจุของราวแขวนแก้วไวน์เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนจะซื้อโดบตรวจสอบให้แน่ใจว่าราวแขวนแก้วไวน์ที่คุณเลือกสามารถจุแก้วไวน์จำนวนทั้งหมดของคุณได้ และอย่าลืมคำนึงถึงการขยายตัวของจำนวนแก้วที่อาจจะเพิ่มขึ้นในอนาคตด้วยนะคะ . 4. พิจารณาการติดตั้ง ราวแขวนแก้วไวน์มีวิธีการติดตั้งที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวัสดุ และการออกแบบ บางรุ่นติดตั้งง่ายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ ในขณะที่รุ่นอื่นๆ อาจต้องใช้สว่านหรือสกรู ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเลือกราวแขวนแก้วไวน์ที่เหมาะกับความต้องการในการติดตั้งของคุณ . 5. เลือกสไตล์ที่เหมาะสม ราวแขวนแก้วไวน์มีให้เลือกหลากหลายสไตล์ ตั้งแต่แบบดั้งเดิมไปจนถึงแบบโมเดิร์น เลือกสไตล์ที่เหมาะกับการตกแต่งบ้าน และความชอบส่วนตัวของคุณ หลักๆ คือต้องพิจารณาว่าอยากจะให้ราวเป็นจุดเด่น หรือกลมกลืนไปกับพื้นที่ . 6. ความแข็งแรง ตรวจสอบน้ำหนักที่ราวสามารถรับได้ โดยเลือกราวที่แข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักของแก้วทั้งหมดได้อย่างปลอดภัย น้ำหนักเฉลี่ย และขนาดของแก้วไวน์แตกต่างกันไปตามประเภทของแก้ว โดยทั่วไปแล้ว แก้วไวน์มีน้ำหนักระหว่าง 100 ถึง 200 […]
ฤดูหนาวมาพร้อมกับความท้าทายที่ไม่เหมือนฤดูฝน โดยเฉพาะกับเฟอร์นิเจอร์ของคุณ เนื่องจากอุณหภูมิที่เย็นจัด ความชื้นต่ำ และแสงแดดที่น้อยลง สภาพอากาศเหล่านี้อาจส่งผลเสียต่อเฟอร์นิเจอร์มากกว่าที่คิด ในบทความนี้ฟิวเจอร์เทคฯ เอาข้อมูลดีดีเกี่ยวกับความเข้าใจว่าสภาพอากาศในช่วงฤดูหนาวส่งผลกระทบกับเฟอร์นิเจอร์ของเราแบบไหนบ้าง และเราจะมีวิธีการดูแลเฟอร์นิเจอร์อันมีค่าของคุณอย่างไร ไปติดตามอ่านกันค่ะ ผลกระทบจากสภาพอากาศในฤดูหนาวที่อาจก่อให้เฟอร์นิเจอร์เสียหายต่อเฟอร์นิเจอร์ 1. การแตกร้าว และหดตัว ความชื้นต่ำสามารถทำให้ไม้ และวัสดุอื่นๆ ในเฟอร์นิเจอร์แห้งและหดตัว ซึ่งอาจนำไปสู่การแตกร้าว และเสียหายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเฟอร์นิเจอร์โบราณหรือเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง . 2. การหลุดล่อนของสี และสารเคลือบเงา ความชื้นต่ำสามารถทำให้สี และสารเคลือบเงาบนเฟอร์นิเจอร์หลุดล่อนหรือลอกออกได้ เนื่องจากการขาดความชื้นที่จำเป็นในการรักษาความยืดหยุ่น . 3. การบิดงอ และเสียรูป การเปลี่ยนแปลงของระดับความชื้นอย่างรวดเร็ว หรือรุนแรงอาจทำให้เฟอร์นิเจอร์บิดงอ หรือเสียรูปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้เนื้ออ่อนหรือวัสดุที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของความชื้น . 4. การบวมของเฟอร์นิเจอร์หนัง บรรดาโซฟาเครื่องหนังที่ตั้งอยู่ในบ้าน หากเจอสภาพความชื้นในอากาศที่ต่ำมากๆ อาจทำให้เฟอร์นิเจอร์หนังแห้ง และแข็งซึ่งอาจทำให้เกิดรอยแตกลายได้ . 5. การเกิดไฟฟ้าสถิต ความชื้นต่ำสามารถเพิ่มการเกิดไฟฟ้าสถิต ซึ่งอาจดึงดูดฝุ่น และสิ่งสกปรกมาเกาะบนเฟอร์นิเจอร์ ทำให้เกิดความเสียหายต่อพื้นผิวได้ . 6. แมลง และเชื้อรา ฤดูหนาวจะมีความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ และการระเหยสูงซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่แมลงในเนื้อไม้แพร่พันธุ์ง่าย และเป็นสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดเชื้อราซึ่งอาจทำให้เฟอร์นิเจอร์เสียหายได้ . วิธีการดูแลเฟอร์นิเจอร์ในฤดูหนาว 1. รักษาความชื้น ความชื้นต่ำในฤดูหนาวอาจทำให้ไม้แห้งและแตกได้ ยิ่งบ้านที่มีเฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณล้ำค่าควรต้องหาทางหลีกเลี่ยงความเสียหายเหล่านี้ด้วยการรักษาความชื้นในบ้านของคุณให้คงที่ ด้วยการใช้เครื่องเพิ่มความชื้น ระดับความชื้นในห้องให้เหมาะสมจะมีความชื้นสัมพัทธ์ประมาณ 40-60% หรือหากกรณีสภาพอากาศไม่ได้แห้งมากก็อาจจะใช้วิธีง่ายๆ ในการรักษาความชื้น ด้วยการวางถ้วยน้ำไว้รอบๆ ห้องก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่พอช่วยได้นะคะ . 2. ไม่ปล่อยให้เฟอร์นิเจอร์อยู่ในตำแหน่งที่มีแสงแดดแรง แม้ว่าแสงแดดในฤดูหนาวจะไม่แรงเท่าในฤดูร้อน แต่ก็ยังสามารถทำลายเฟอร์นิเจอร์ได้ แสงแดดในฤดูหนาวมีความเข้มข้นของรังสียูวีสูงกว่าปกติซึ่งทำลายเนื้อไม้ของเฟอร์นิเจอร์โดยทำให้เนื้อไม้แห้งกรอบ และแตกร้าว กรณีเฟอร์นิเจอร์ที่มีองค์ประกอบเป็นหนัง เช่นโซฟาหนัง ความร้อนจากแสงแดดในฤดูหนาวสามารถทำให้หนังของเฟอร์นิเจอร์เสื่อมสภาพได้ โดยทำให้หนังเกิดซีดจาง และแตกแห้ง แนะนำให้ปิดผ้าม่านหรือมู่ลี่เพื่อป้องกันแสงแดดโดยตรง และหมุนเฟอร์นิเจอร์เป็นประจำเพื่อให้ทุกด้านได้รับแสงแดดเท่าๆ กัน . 3. ใช้ผ้าคลุมเฟอร์นิเจอร์ ผ้าคลุมเฟอร์นิเจอร์เป็นวิธีง่ายๆ ในการปกป้องเฟอร์นิเจอร์ของคุณจากฝุ่นละออง ความชื้น และแสงแดด แนะนำให้เลือกผ้าคลุมที่ทำจากวัสดุระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย หรือลินิน . 4. ทำความสะอาดเป็นประจำ ผลกระทบสำคัญของความชื้น คือเชื้อรา โดยเฉพาะในบริเวณที่แสงมักจะส่องไม่ค่อยถึง อากาศไม่ถ่ายเท จึงทำให้ เฟอร์นิเจอร์โดยเฉพาะประเถทตู้เสื้อผ้าจึงกลายเป็นมุมที่เชื้อราสามารถเจริญเติบโตได้ดี เพราะทั้งมืด ทั้งอับ และไม่มีอากาศที่ถ่ายเทอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้เฟอร์นิเจอร์ของคุณมีเชื้อราขึ้นการทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์เป็นประจำเป็นวิธีที่ดี วิธีการทำความสะอาดคือใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ มาเช็ดรอบแรกก่อน หากกรณีพบว่าเฟอร์นิเจอร์มีคราบเชื้อราฝังแน่นก็ให้ใช้กระดาษทรายขัดแล้วเช็ดออก และหลังจากนั้นให้ใช้น้ำส้มสายชู หรือสบู่เหลวผสมกับน้ำเปล่าในขวดสเปรย์นำมาฉีดพ่นลงไปให้ทั่วบริเวณที่เกิดเชื้อราทิ้งไว้ให้แห้งสนิท นี่เป็นเคล็ดลับในการป้องกันการกลับมาของเชื้อราค่ะ . 5. ซ่อมแซมความเสียหายเล็กน้อย หากคุณสังเกตเห็นความเสียหายเล็กน้อย เช่น รอยขีดข่วน รอยบุบ การบิดเบี้ยวให้ซ่อมแซมโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายมากไปกว่าเดิม คุณสามารถใช้ชุดซ่อมเฟอร์นิเจอร์ หรือปรึกษาช่างซ่อมเฟอร์นิเจอร์มืออาชีพเพื่อจัดการสิ่งเหล่านี้ก่อนจะเข้าฤดูหนาว หรือหากยังไม่มีความเสียหายคุณก็สามารถที่จะบำรุงดูแลความยืดหยุ่นของผิวเฟอร์นิเจอร์ ด้วยการทาสารเคลือบเงาไว้เสมอก็เป็นเรื่องที่ดีค่ะ .
ห้องรับแขก หรือห้องนั่งเล่นเป็นอีกห้องหนึ่งในบ้านที่สามารถสร้างความเพลิดเพลิน และเสียงหัวเราะให้แก่ทุกคนได้ เป็นอีกห้องหนึ่งที่สมาชิกในบ้านจะได้มาพบปะสังสรรค์พูดคุยกัน เรามาลองอ่านกันดูว่า ไอเดียเทคนิคของการจัดแต่งห้องนั่งเล่นที่ดีควรทำอย่างไร จึงจะทำให้ห้องนี้มีบรรยากาศของการพักผ่อนที่ดีได้อย่างยอดเยี่ยม . 1. ตำแหน่งของห้องสำคัญมาก หลีกเลี่ยงการสร้างห้องนั่งเล่นไว้ทางด้านตะวันตกของตัวบ้าน เพราะเป็นช่วงรับแสงแดดอันร้อนแรงยามบ่าย คงไม่มีใครอยากเข้าไปนั่งในห้องที่ร้อนระอุเหมือนเตาไฟแน่ๆ ทางที่ดีควรสร้างไว้ทางทิศใต้ของบ้าน เพื่อจะได้รับลมเย็นๆ . 2. แสงสว่างที่พอดีนำมาซึ่งความกระตือรือร้นผ่อนคลาย ห้องนั่งเล่น ควรมีแสงสว่างที่พอเหมาะ หมั่นเปิดหน้าต่างให้มีการระบายอากาศที่ดี หรือการตกแต่งแสงสว่างในยามค่ำคืนให้มีสีสัน ปรับเปลี่ยนบรรยากาศ ควรเลือกรูปแบบแสงที่ให้แสงนวลตา สว่างใส มองแล้วสบายตา จะทำให้ห้องนั่งเล่นน่าอยู่ ดูอบอุ่นมากขึ้น . 3. เติมแต่งสีเขียวเพิ่มความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ ต้นไม้ และดอกไม้ประดับ เป็นตัวช่วยที่สะดวก และง่ายสุดในการสร้างบรรยากาศภายในห้องรับแขก เพียงแค่เพิ่มมุมสบายๆ เข้าไปอย่างมุมต้นไม้ หรือวางแจกันดอกไม้เอาไว้ในมุมที่สบายตา ก็สามาถเพิ่มสีสัน และชีวิตชีวาในการพักผ่อนได้ โดยที่สามารถนำเอามาผสมผสานกับองค์ประกอบต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเอาแจกันมาวางไว้บนโต๊ะ หรือวางไว้มุมนั่งเล่น ก็จะสามารถสร้างบรรยากาศที่สบายๆ เหมือนมีสวนเล็กๆ เอาไว้ให้ได้ชื่นชมได้ทุกวัน คุณสามารถเลือกดอกไม้ประดิษฐ์มาใช้ตกแต่งได้ แต่หากใช้เป็นดอกไม้สดก็ต้องหมั่นเปลี่ยนดอกไม้ให้สดใหม่อยู่เสมอ อย่าปล่อยให้ดอกไม้เหี่ยวปักคาแจกัน เพราะทำให้รู้สึกห่อเหี่ยวไม่แจ่มใส . . 4. ที่นั่งเล่นต้องสะดวกสบาย สบายเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้สำหรับนั่งจำพวกโซฟา เก้าอี้ ไม่ควรเลือกโซฟาหรือเก้าอี้ที่นิ่มจนเกินไป เพราะจะทำให้ปวดหลังปวดตัวเวลานั่งนานๆ ควรเลือกซาหรือเก้าอี้ที่มีความแข็ง-ความนิ่มเหมาะสม เพื่อให้นั่งได้อย่างสบาย . 5. โต๊ะกลาง หรือโต๊ะข้างเพื่อความสะดวก การนั่งพักผ่อนอย่างเดียว อาจจะไม่ตอบโจทย์การใช้งานเสมอไป เพราะถ้าหากจะให้องค์ประกอบครบถ้วน ก็ควรจะต้องมีโต๊ะเอาไว้สำหรับวางของ ซึ่งอาจจะเป็นโต๊ะกลาง หรือโต๊ะข้าง ที่พร้อมใช้งาน สามารถวางของต่างๆ ได้ถนัดมือ ไม่ว่าจะเป็นการวาง แก้วน้ำ วางของว่าง บางทีอาจจะใช้วางแจกันดอกไม้เพื่อตกแต่ง หลายคนอาจไม่รู้ว่าโต๊ะกลางเพียงโต๊ะเดียว ก็จะสามารถสร้างความสมบูรณ์แบบให้พื้นที่ภายใน ห้องรับแขกได้เป็นอย่างดีนะคะ . 6. พรมปูพื้นสร้างสัมผัสพิเศษ พรม สามารถทำหน้าที่มอบสัมผัสที่แสนพิเศษที่จะสร้างบรรยากาศในการพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ หลายคนอาจไม่เชื่อว่า พรมปูพื้น จะเป็นองค์ประกอบที่ทำให้ห้องรับแขกสมบูรณ์ได้ แต่อยากให้ลองนึกถึงเวลาเราไปสถานที่ที่ดูหรูหราอบอุ่นผ่อนคลาย จะพบว่าหลายๆ ที่นั้นใช้พรมมาเป็นองค์ประกอบ โดยเฉพาะการเลือกใช้พรมที่มีขนนุ่ม ก็จะทำให้สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนในทุกย่างก้าว แถมยังสามารถนำเอามาตกแต่งให้เข้ากับบรรยากาศ และสไตล์ของห้องได้อีกด้วย โดยที่การจัดวางสามารถเติมเต็มในส่วนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี สามารถเพิ่มบรรยากาศอันแสนอบอุ่นให้มุมพักผ่อนให้เต็มไปด้วยบรรยากาศอันผ่อนคลายได้มากกว่าเดิม . 7. ผ้าม่านช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว บรรยากาศความเป็นส่วนตัวจะช่วยให้การพักผ่อนสมบูรณ์แบบได้ ซึ่งสามารถทำได้โดยการติดตั้งผ้าม่านเอาไว้บริเวณหน้าต่าง ของมุมโต๊ะนั่งเล่น หรืออาจจะเป็นการติดตั้งม่านสองชั้น ที่สามารถใช้ในการกรองแสงระหว่างวันได้ ก็จะสามารถสร้างบรรยากาศความเป็นส่วนตัวได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญผ้าม่านยังมอบความเป็นส่วนตัวให้กับมุมที่ชวนมองได้อย่างน่าประทับใจได้อีกด้วย . . เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หวังว่าจะได้ไอเดียไปปรับประยุกต์ใช้กับห้องนั่งเล่นกันหลายข้อเลยนะคะ อย่าปล่อยให้ชีวิตต้องอยู่ภายใต้บรรยากาศแบบเดิมนานเกินไป ลองลุกขึ้นมาจัดบ้าน ปรับเปลี่ยนห้องนั่งเล่นของคุณให้เต็มไปด้วยความรู้สึกสดชื่น สุข สนุก และอบอุ่น เพื่อเติมพลังให้ทุกเวลาของการพักผ่อนกันค่ะ