ฤดูฝนกับไฟฟ้า : ป้องกันอันตรายที่แฝงในบ้านจากจุดที่คาดไม่ถึง

เมื่อฤดูฝนมาถึง ความเย็นสบายจากสายฝนแม้จะช่วยคลายร้อน ทำให้เราลืมนึกถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่ในบ้าน โดยเฉพาะเรื่องของระบบไฟฟ้า ที่เราใช้กันทุกวัน เมื่อความชื้น น้ำฝน หรือการรั่วซึมเพียงเล็กน้อยเข้ามาเกี่ยวข้อง ความเสียหายและอันตรายก็อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่ทันตั้งตัว แม้ว่าบ้านจะดูเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุด แต่สิ่งเล็กๆที่เรามองข้ามเช่น ปลั๊กไฟใกล้ประตู หน้าต่าง เครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องน้ำ หรือสายพ่วงที่วางไว้ชั่วคราว กลับกลายเป็นจุดอันตรายได้ทันทีเมื่อเจอความชื้น ในบทความนี้ ฟิวเจอร์ไลท์ติ้ง จะพาคุณผู้อ่านไปสำรวจว่า จุดไหนที่เรามองข้ามกันค่ะ

.

จุดเสี่ยงที่อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ในหน้าฝน

ปลั๊กไฟใกล้ประตู หรือหน้าต่าง

.

บริเวณใกล้ประตู หน้าต่างที่เปิดรับลมฝนมักถูกละเลยเมื่อฝนตก หากไม่มีการปิดผนึกที่ดี น้ำฝนสามารถซึมเข้าได้ และทำให้ปลั๊กไฟด้านในชื้นโดยไม่รู้ตัว

วิธีป้องกัน : 

  1. ติดฝาปิดแบบกันน้ำ หรือเลือกแบบกันน้ำ IP44 ขึ้นไป
  2. ตรวจสอบซีลรอบหน้าต่างและประตูอย่างสม่ำเสมอ
  3. หลีกเลี่ยงการเสียบปลั๊กบริเวณนี้ช่วงฝนตกหนัก

.

ปลั๊กไฟในห้องน้ำ

.

ห้องน้ำเป็นพื้นที่ ที่มีความชื้นสูงอยู่แล้วรวมทั้งอุณหภูมิที่ผันผวน ยิ่งทำให้พื้นที่นี้เป็น “กับดัก” ของเครื่องใช้ไฟฟ้า หากมีการเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างไดร์เป่าผม เครื่องโกนหนวด ปลั๊กเสียบอุปกรณ์ฝานั่งชักโครก หรืออุปกรณ์อาบน้ำต่างๆ ที่บางคนติดตั้งไว้ในห้องน้ำโดยตรง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าปลั๊กอยู่ห่างจากจุดที่น้ำกระเด็นถึง และควรมีระบบป้องกันไฟรั่วเพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ที่เราใช้กันไม่ได้ออกแบบมาให้ทนความชื้น

วิธีป้องกัน :

  1. หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ระบุว่ากันน้ำได้
  2. ถอดปลั๊กออกทุกครั้งหลังใช้งาน
  3. หากจำเป็นต้องติดตั้งปลั๊กในห้องน้ำ ให้เลือกแบบ GFCI (Ground Fault Circuit Interrupter) ที่ตัดไฟทันทีเมื่อเกิดความผิดปกติ

.

สายไฟภายนอกอาคารที่เก่า และฉนวนเริ่มกรอบ

สายไฟที่พาดผ่านภายนอกอาคารก็เป็นอีกจุดเสี่ยงที่ถูกมองข้าม หากบ้านคุณมีสายไฟหรือรางปลั๊กพาดผ่านบริเวณนอกชายคา ระเบียง หรือสวน ควรตรวจสอบดูว่าฉนวนยังแน่นหนาดีหรือไม่ เพราะเมื่อฝนตกหนัก น้ำอาจซึมเข้าไปตามรอยฉีกขาดเล็กๆของสาย ทำให้เกิดการลัดวงจรได้

วิธีป้องกัน : 

  1. ตรวจสอบสภาพฉนวนสายไฟอย่างสม่ำเสมอ
  2. เปลี่ยนสายใหม่ทันทีเมื่อฉนวนเริ่มกรอบหรือเสื่อมสภาพ
  3. อย่ารอให้เกิดควันหรือไฟไหม้ค่อยแก้ไข

.

เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ใกล้ผนังชื้น

ตู้เย็น เครื่องซักผ้า หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่วางชิดผนังอาจมีความเสี่ยง หากผนังเกิดความชื้นจากน้ำฝนที่ซึมจากหลังคา หรือท่อน้ำรั่ว

วีธีป้องกัน : 

  1. ตรวจสอบสภาพผนัง และเว้นระยะห่างระหว่างเครื่องใช้ไฟฟ้ากับผนัง
  2. ตรวจสอบปลั๊กไฟด้านหลังอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอเพื่อดูว่ามีร่องรอยน้ำหรือความชื้นหรือไม่
  3. ติดตั้งระบบสายดินให้กับอุปกรณ์ที่เสียบตลอดเวลา

.

สายพ่วงที่ลากไว้ใช้ภายนอกบ้าน

การใช้ปลั๊กพ่วงนอกบ้านช่วงหน้าฝนแม้แค่ “แป๊บเดียว” ก็เสี่ยง เพราะสายพ่วงทั่วไปไม่ได้ออกแบบมาให้ทนน้ำฝน และเมื่อพื้นเปียก การรั่วไฟหรือไฟดูดสามารถเกิดขึ้นได้ทันที และในหลายบ้าน โดยเฉพาะบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง หรือเด็กเล็ก การใช้ปลั๊กพ่วงคุณภาพต่ำกลายเป็นต้นเหตุของปัญหาไฟฟ้าในฤดูฝนได้อย่างไม่รู้ตัว ปลั๊กพ่วงราคาถูก มักไม่มีระบบตัดไฟเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้

วิธีป้องกัน : 

  1. เลือกสายพ่วงที่มีมาตรฐาน มอก. ที่ออกแบบสำหรับใช้กลางแจ้ง
  2. เลือกสายที่มี IP Rating เหมาะสม และหุ้มฉนวนสองชั้น
  3. หลังใช้งานเช็ดให้แห้ง และจัดเก็บให้พ้นจากความชื้นเสมอ

.

กล่องไฟฟ้าใต้พื้น หรือฝ้าเพดานที่ไม่ได้ซีลกันน้ำ

บ้านหลังเก่า หรือบ้านที่มีการต่อเติมภายหลัง มักมีการซ่อนกล่องรวมสายไว้ในพื้นที่เปียกชื้นหากฝนตกหนักจนเกิดการรั่วซึมอาจทำให้ระบบไฟลัดวงจรได้

วิธีป้องกัน : 

  1. ให้ช่างตรวจสอบฉนวนสายไฟและกล่องเชื่อมต่อทุกปีก่อนฤดูฝน
  2. เปลี่ยนสายทันทีหากพบฉนวนแตก หรือมีรอยหนูแทะ
  3. ใช้กล่องไฟที่มีฝาปิดแบบกันความชื้น หรือใช้ซิลิโคนยาแนวรอยต่อให้สนิท

.

สำหรับพื้นที่ ที่ต้องใช้ไฟแต่มีความเสี่ยงจากความชื้นเช่น ใต้เคาน์เตอร์อ่างล้างจาน หรือด้านในตู้เสื้อผ้า ที่บางวันอากาศชื้นจนหยดน้ำเกาะผนังไฟ LED Strip Lightแรงดันต่ำ 12V เป็นทางเลือกที่ปลอดภัย

ข้อดีของ LED Strip Light 12V

  1. ใช้แรงดันต่ำเพียง 12V ปลอดภัยกว่าระบบำฟบ้านทั่วไป 220V มาก
  2. แม้เกิดความชื้นหรือสัมผัสโดยไม่ตั้งใจ ก็ไม่ทำให้เกิดไฟดูดหรือไฟช็อตรุนแรง
  3. ติดตั้งได้หลากหลายตำแหน่ง ให้แสงสว่างนุ่มนวลและประหยัดพื้นที่
  4. เหมาะสำหรับใช้ในบริเวณที่มีความชื้นหรือกึ่งเอาท์ดอร์

.

เคล็ดลับความปลอดภัยช่วงฤดูฝน

  1. ตรวจสอบอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ – ก่อนฤดูฝนและระหว่างฤดูฝน ควรตรวจสอบสภาพปลั๊ก สายไฟ และอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชิ้น
  2. หลีกเลี่ยงการใช้งานเมื่อเปียก – ไม่ว่าจะเป็นพื้นเปียกหรือตัวเราเปียก ห้ามสัมผัสอุปกรณ์ไฟฟ้าเด็ดขาด
  3. ติดตั้งอุปกรณ์ตัดไฟรั่ว – เป็นการป้องกันขั้นสุดท้ายที่สำคัญมาก
  4. สังเกตความผิดปกติ – เช่น กลิ่นไหม้ เสียงแปลก หรือไฟกะพริบ ควรตรวจสอบทันที
  5. ปิดไฟที่ไม่จำเป็นเมื่อฝนตกหนัก – เพื่อลดความเสี่ยงและประหยัดไฟด้วย

.

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้ารูปแบบใด การใส่ใจเรื่องความปลอดภัยควรมาเป็นอันดับแรกเสมอโดยเฉพาะช่วงฤดูฝน การตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ การเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม และปฏิบัติตามหลักความปลอดภัย บ้านที่คุณใส่ใจในรายละเอียดเสมอแม้ในวันที่ฝนตก…จะช่วยให้ผ่านพ้นฤดูฝนไปได้อย่างปลอดภัย

.

Leave a Reply