ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตระจำวัน การออกแบบบ้านก็ต้องตอบรับกับความต้องการที่เปลี่ยนไป บานเลื่อนไฟฟ้าแบบเปิดคู่ หรือ Automatic Synchlighting System ซึ่งผสานความสะดวกสบายเข้ากับความงามของงานออกแบบได้อย่างลงตัว และเมื่อนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับกระจกใสทั้งบาน งานดีไซน์จะยิ่งสะท้อนภาพลักษณ์ทันสมัยที่มีความคล้ายคลึงกับประตูอัตโนมัติของห้างสรรพสินค้า แต่ในขณะเดียวกันก็เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการใช้ภายในที่พักอาศัย ด้วยฟังก์ชันที่สามารถสั่งการได้หลายรูปแบบ ประหยัดพื้นที่ และรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว
.
ความสามารถในการควบคุมที่หลากหลาย และยืดหยุ่น
บานเลื่อนไฟฟ้านี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการควบคุมที่หลากหลายตามลักษณะการใช้งานของผู้พักอาศัย
- เปิด-ปิดผ่านรีโมทคอนโทรล เหมือนรีโมททีวี กดปุ่มเดียวก็เปิด-ปิดได้ เหมาะสำหรับคนสูงอายุ หรือมือไม่ว่าง
- ผลักหน้าบานด้วยมือเบาๆแบบกึ่งแมนนวล ระบบมอเตอร์จะช่วยเลื่อนประตูให้ ไม่ต้องใช้แรงมาก
- สั่งงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนที่เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth และ GPS สามารถสั่งเปิดประตูได้แม้ยังถึงบ้าน
ฟีเจอร์เหล่านี้ยังช่วยลดการสัมผัสพื้นผิวให้น้อยที่สุด จึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการดูแลสุขอนามัยภายในบ้านโดยเฉพาะในยุคหลังโควิด-19
.
โครงสร้างระบบ และความสามารถในการรับน้ำหนัก
อุปกรณ์นี้มีโครงสร้างระบบไฟฟ้าที่มีความแข็งแรงได้มาตรฐานรองรับน้ำหนักได้ถึง 60 กิโลกรัมต่อบาน ผู้ใช้สามารถสั่งตัดกระจกหน้าบานให้มีความกว้างและความสูงตามต้องการ ทั้งนี้การออกแบบขนาดหน้าบานควรมีความกว้างไม่น้อยกว่า 60 เซนติเมตรเพื่อให้มีพื้นที่ติดตั้งชุดโช็ค และรางด้านบนซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนบานเลื่อน
.

.
กระจกที่แนะนำให้ใช้งานร่วมกับระบบนี้
- กระจกใสหนา 8 มิลลิเมตร ให้ความปลอดภัย และมีความแข็งแรงเพียงพอสำหรับการใช้งานในบ้าน
- การติดตั้งง่ายมาก ระบบของบานเลื่อนแบบเปิดคู่ระบบไฟฟ้านี้ไม่ซับซ้อน เพียงเดินสายไฟฟ้าบ้านทั่วไปหนึ่งเส้นเข้าสู่บล็อกควบคุมรีโมท (ขนาดประมาณ 2×2 นิ้ว) และต่อสายเข้าสู่ชุดควบคุมสายพานที่ติดตั้งอยู่ด้านบนประตู ซึ่งเป็นตำแหน่งของมอเตอร์หลักที่ใช้ขับเคลื่อนการเปิด-ปิดอย่างสมดุลทั้งสองฝั่ง
.
การประยุกต์ใช้งานในพื้นที่ต่างๆของบ้าน
1. กั้นระหว่างห้องนั่งเล่น และห้องครัว
เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการพื้นที่โล่ง (Open Plan) แต่บางครั้งต้องการแยกพื้นที่เช่นเมื่อประกอบอาหารและไม่ต้องการให้กลิ่นลอยเข้าไปในห้องนั่งเล่น หรือสร้างความเงียบสงบขณะพักผ่อน
2. ห้องทำงานภายในบ้าน
ในยุคที่การทำงานจากบ้านกลายเป็นเรื่องปกติ การมีห้องทำงานที่แยกออกมาได้เมื่อต้องการความเป็นส่วนตัว แต่เปิดเชื่อมต่อกับพื้นที่หลักได้เมื่อไม่ใช้งาน จะช่วยให้บ้านดูกว้างขวางกว่า
3. ห้องแต่งตัว และห้องน้ำในห้องนอนใหญ่
สำหรับบ้านที่มี Walk-in Closet หรือห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ การใช้บานเลื่อนกระจกใสแบบเปิดคู่ช่วยเชื่อมต่อพื้นที่ระหว่างห้องนอนกับห้องแต่งตัวอย่างสวยงาม ในขณะที่ยังสามารถปิดแยกพื้นที่ได้เมื่อจำเป็น ไม่ต้องสัมผัสลูกบิดหรือมือจับให้ยุ่งยาก โดยเฉพาะตอนเช้าที่รีบออกจากบ้าน
4. เป็นประตูเชื่อมต่อกับสวน หรือหรือพื้นที่กลางแจ้ง
ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยเดินเข้า-ออกได้สะดวก ไม่ว่าขณะถือของหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง และด้วยความใสของกระจก ยังมองเห็นทิวทัศน์สวนได้ตลอดเวลา
5. โถงทางเข้า หรือห้องรับแขกแบบ Semi-Private
สร้างพื้นที่กึ่งส่วนตัว โดยไม่ทำให้บ้านดูแคบหรือปิดทึบ บางบ้านเลือกใช้พื้นที่รับแขกที่แยกจากห้องรับประทานอาหาร อีกทั้งยังควบคุมได้ง่ายทั้งในเชิงการใช้งานและการรักษาความสะอาด
.

.
สุนทรียะกับความทันสมัยในหนึ่งเดียว
ระบบ Automatic Synchlighting ไม่ได้ให้เพียงแค่ความสะดวกในการใช้งานเท่านั้น แต่ยังเป็นองค์ประกอบทางสุนทรียะที่ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของพื้นที่ภายในบ้านให้ดูหรูหรา และทันสมัย โดยเฉพาะเมื่อจับคู่กับเฟรมอลูมิเนียมบางเฉียบ และเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงอย่างกระจกเทมเปอร์ใสช่วยให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น สะท้อนแสงธรรมชาติได้ดี และสร้างความรู้สึกสงบอย่างมีระดับ ด้วยการเคลื่อนไหวที่ลงตัวประตุทั้งสองบานเปิด-ปิดแบบซิงโครไนซ์ เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิกหลายวัย เพราะไม่ต้องใช้แรงดึงหรือผลักมาก
บานเลื่อนไฟฟ้าแบบเปิดคู่ไม่ใช่แค่อุปกรณ์ในบ้านธรรมดา แต่เป็นการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมความสะดวกสบาย ความงาม และเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้บ้านของเราก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีการใหม่ในการปรับปรุงบ้านให้ทันสมัยและใช้งานสะดวกขึ้น บานเลื่อนไฟฟ้าแบบเปิดคู่น่าจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าการพิจารณา
.

.














